จากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะชีวิต และภาวะผู้นำของเยาวชน ร้านตัดผม “แกลงบน บาร์เบอร์” ร้านตัดผมต้นแบบเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนจึงถูกริเริ่มขึ้นโดยการร่วมผลักดันจาก 3 พันธมิตรได้แก่ บริษัทเซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด มูลนิธิรักษ์ไทย และ บริษัทไทยโพลิคอนส์ จำกัด(มหาชน) ด้วยความมุ่มมั่นที่จะมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับนักเรียนและ ชุมชนในพื้นที่ให้ยั่งยืน ต่อไป โดยเซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ทเป็นตัวกลางของลูกค้าทุกคนในการเข้าร่วมสานฝันให้กับเด็กๆ ผ่านเงินบริจาคเข้าโครงการ “เติมฝัน สานอนาคต” เพื่อสร้างร้านตัดผมที่ โรงเรียน วัดแกลงบน อ.เมือง จังหวัดระยอง โดยนักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะยากจน เด็กๆ มีความสนใจในการเรียนเพื่อการสร้างอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวเป็นหลักปัจจุบันโรงเรียนมีวิชาเลือกอื่นๆ อาทิ เบเกอรี่ ดนตรี วาดรูป ซึ่งวิชาเลือกตัดผมเป็นหนึ่งวิชาที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
“แกลงบน บาร์เบอร์”เป็นร้านตัดผมที่ถูกออกแบบจากการผสมผสานแนวความคิดและจินตนาการของเด็กๆ ที่มีต่ออาชีพช่างตัดผม รูปแบบของร้านถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย และสามารถใช้งานได้จริงทั้งเป็นห้องเรียน ห้องฝึกปฏิบัติ และเป็นสถานประกอบการเพื่อสร้างรายได้ให้กับโรงเรียน อีกทั้งอุปกรณ์ภายในร้านได้ถูกเลือกสรรค์อย่างมีคุณภาพ และรูปแบบที่ทันสมัยเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงและ ได้สัมผัสกับร้านตัดผมที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล เพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตกับอาชีพที่ชื่นชอบต่อไป"
นางจิรนันท์ ผู้พัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า แฟมิลี่มาร์ท เป็นตัวแทนของลูกค้าที่ได้มาเติมเต็มโอกาสและ ความฝันของน้องๆ กับกิจกรรมในครั้งนี้ โดยทางบริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน เพื่อการมีอาชีพที่มั่นคงและสามารถดูแลครอบครัวและสร้างความยั่งยืนให้กับสังคม ตามพันธกิจหลักของบริษัทในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป “แกลงบน บาร์เบอร์”จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมที่บริษัทฯดำเนินการเพื่อคืนกำไรสู่สังคม โดยการก่อสร้าง ”แกลงบน บาร์เบอร์” ใช้เวลาในการวางแผนและดำเนินการก่อสร้างกว่า 6 เดือนด้วยงบประมาณการก่อสร้างและ อุปกรณ์รวมกว่า 8 แสนบาท โดยการควบคุมการก่อสร้างและ ออกแบบโดยบริษัทไทย โพลิคอนส์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตร ช่างตัดผมชาย หญิงโดยมูลนิธิรักษ์ไทยกับอาจารย์ผู้สอน เพื่อบรรจุเป็น วิชาเลือกให้กับ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ทั้งนี้หลักสูตรดังกล่าวยังได้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในเรื่อง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในทุกด้าน ในรูปแบบของกิจกรรมเสริมหลักสูตร และการเรียนรู้แบบบูรณาการ