“ซัคเซสมอร์” ทะยานไม่หยุดนิ่งแม้ตลาดขายตรงครึ่งปีแรกโตฝืด ล่าสุด ทุ่ม 100 ล้านบาท ส่ง สินค้าเรือธงดันยอดปลายปี “นวัตกรรม S.O.D เอนไซม์ ย้อนวัยเซลล์ คืนความแข็งแรงระดับ DNA” เจ้าแรกในประเทศไทย ดึง โบว์ แวนดา-น้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ผ่านหนังโฆษณาชุด “พลังแห่งรักแท้” เจาะกลุ่มกลุ่มเฮลธ์ตี้ เลิฟเวอร์ คาดโกยยอด 300 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจต่อเนื่องโฟกัสเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ ๆ การสร้างคน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ ตั้งเป้ายอดสมาชิกสิ้นปีนี้ 7 แสน 5 หมื่นคน ยอดขายโต 27 % คิดเป็นรายได้ 2,700 ล้านบาท
นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมตลาดขายตรงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมอาจจะยังดูไม่ได้ตกลงมากนักแต่ค่อนข้างชะลอตัวมีอัตราการเติบโตเพียง 3-5 % เนื่องจากผู้เล่นนอกวงการเจ้าใหม่ ๆ ที่ต้องการเข้ามาสู่ระบบธุรกิจขายตรง ได้เข้ามาสู่ในตลาดธุรกิจขายตรงได้อย่างไม่ยาวนานทำได้เพียง 6-7 เดือนก็หายกันไปจากตลาด อาจจะเพราะว่าผู้เล่นหน้าใหม่เหล่านี้ไม่ได้มีความรู้ในการทำธุรกิจขายตรงที่จริงจังและถูกต้องเท่าที่ควร อีกทั้ง ปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้ มีการศึกษาหาข้อมูลมากขึ้นในเรื่องของธุรกิจขายตรงว่าอันไหนเป็นของจริง ของไม่จริง ส่งผลให้ก็ยังมีเพียงแต่บริษัทขายตรงหลัก ๆ ยังคงทำตลาดกันอยู่ และสำหรับสภาวะการแข่งขันของธุรกิจขายตรงในปีนี้ก็ยังคงมีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น ทั้งผู้ประกอบการหลัก และผู้ประกอบการใหม่ ๆ ที่ก็ทยอยเข้ามาและหายไป ดังนั้น ผู้ประกอบการขายตรงในปัจจุบันแต่ละบริษัทจำต้องวางแผนทำการตลาดในรูปแบบที่จำต้องวางให้ตรงจุดของกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์บริษัท ตัวผู้บริหาร การออกตัวสินค้า พร้อมหลักสูตรการอบรมพัฒนา ต้องไปในทิศทางเดียวกันให้ตอบโจทย์กลุ่มเซ็คเม้นที่เราโฟกัส อาทิ วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ กลุ่มโซเชียล หรือ กลุ่มคนชอบสังสรรค์ออกสังคม เป็นต้น ในการจัดการแบบแผนธุรกิจและสินค้าให้ตรงจุดตอบโจทย์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ให้พวกเขาได้รับผลลัพท์ในการประสบความสำเร็จจากการเข้ามาทำธุรกิจขายตรงอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทเราเองในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโตอยู่ที่กว่า 20 % ซึ่งถือว่าโตมากกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกันเนื่องมาจากผลที่ทางบริษัทได้ตั้งเป้าและวางกลยุทธ์ควบคู่กันไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือการตลาดเพิ่มเติมสินค้ามาใหม่ๆเข้ามาตลอดเวลา เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ ตรงจุดนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อสินค้าบริษัทซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่งผลให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากขึ้น ในขณะเดียวกันแต่ละหมวดหมู่ของสินค้า ต้องเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมตลอดเวลา เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายให้ใหญ่ขึ้น อีกทั้งการให้ความสำคัญกับสมาชิกในการจัดการให้ความรู้เพราะเรามองว่าการสร้างคน คือการสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ เพราะเรามีระบบพัฒนาคนที่แข็งแก่รงเรียกว่า "ซัคเซสมอร์ ลีดเดอร์ชิพ อคาเดมี่" หรือ เอสแอลเอ ซึ่งทำให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ ไม่มีทักษะ ค่อยๆอัพเกรดความรู้ และทักษะในการออกไปทำธุรกิจ ส่งผลให้สมาชิกทุกคนของบริษัทสามารถนำเสนอโอกาสทางธุรกิจได้ดีขึ้นและพอได้ทำแล้วประสบความสำเร็จก็จะเกิดการบอกต่อ ส่งผลให้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซัคเซสมอร์มีสมาชิกใหม่ในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นถึง 1,300 รหัส ที่สำคัญยังเป็นสมาชิกที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองไปสู่นักธุรกิจมืออาชีพทั้งในไทยและตลาดต่างประเทศแถบเออีซี ซึ่งปัจจุบันนี้จากการที่บริษัทเราดำเนินธุรกิจมาจะเข้าสู่ปีที่ 5 เรามีสมาชิกอยู่ประมาณ 6 แสนกว่าคน ซึ่งแต่ละปีมีจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นทุก ๆปี ราว 2 แสนกว่าคน โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1 แสน 5 หมื่นคน รวมเป็นสิ้นปีนี้จะเป็น 7 แสน 5 หมื่นคน
สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลังบริษัทได้ลงทุนงบราว 100 ล้านบาท ทั้งในการลงทุนการผลิตและการทำการตลาดสร้างแบรนด์ ในการออกผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ เปิดตัวนวัตกรรม S.O.D เอนไซม์ ย้อนวัยเซลล์ คืนความแข็งแรงระดับ DNA โดยมีประสิทธิภาพต่อต้านอนุมูลอิสระได้ลึกถึงระดับ DNA ภายในเซลล์ ช่วยเปลี่ยนเซลล์เสื่อมให้เป็นเซลล์สด ทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงอย่างสมวัย ผ่านการทดสอบจากห้องปฏิบัติการจากประเทศเยอรมนี เป็นทางเลือกใหม่ในการดูแลสุขภาพองค์รวมของคนยุคเฮลธ์ตี้ที่ต้องการมีสุขภาพดีและอยากดูแลคนที่รักไปนานๆ โดยเราได้เลือก โบว์ แวนดา-น้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ผ่านหนังโฆษณาชุด “พลังแห่งรักแท้” สะท้อนภาพลักษณ์ของคนยุคใหม่ที่ต้องดูแลตัวเอง เพื่อดูแลคนที่รักและห่วงใยในครอบครัว พร้อมชูแคมเปญบอกรักเซลล์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดครบวงจร ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มเฮลธ์ตี้ เลิฟเวอร์ ในระดับ ซีบวก อายุ 30-55 ปี ที่รักและดูแลสุขภาพ ให้อายุยืนจากภายใน โดยวางแผนการตลาดสินค้าตัวดังกล่าวผ่าน 2 ช่องทาง คือ ผ่านระบบสมาชิก และ ช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้าตัวนี้ไว้ภายในปีหน้าราว 300 ล้านบาท
ด้าน นพ. สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก และเวชศาสตร์ชะลอวัย กล่าวเสริมว่า แนวคิดของเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging medicine) ซึ่งเป็นศาสตร์ใหม่ของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมจากภายในก่อนที่ร่างกายจะป่วย โดยการปิดกลไกความเสื่อมที่เกิดภายขึ้นในร่างกาย อันเป็นที่มาของการเกิดโรคต่างๆ บริษัทฯ จึงได้แรงบันดาลใจในการคิดค้น S.O.D หรือ Superoxide Dismutase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งพืชและสัตว์ ในมนุษย์ก็มีเอนไซม์ชนิดนี้อยู่ในร่างกายของเราตั้งแต่แรกเกิด แต่จะมีปริมาณลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเรามีอายุ 25 ปีขึ้นไป และจะน้อยลงต่อเนื่องจนกระทั่งสิ้นอายุขัย
สำหรับกลยุทธ์การตลาดของ S.O.D บริษัท ซัคเซสมอร์ฯ มุ่งเน้นสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคว่า “S.O.D” คือ เอนไซม์ ที่สุดของการดูแลสุขภาพเพื่อคนที่คุณรัก ในการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องครบวงจร ทั้งช่องทางการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ above the line & below the line เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย เรายังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างสมาชิกตัวแทนจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายโตจากปีที่แล้ว 27 % ปีที่แล้วเราจบตัวเลขอยู่ที่ 2,124 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในตลาดต่างประเทศปัจจุบันเราได้เข้าไปทำตลาดที่ประเทศ พม่า และ ลาว แล้วอย่างเป็นทางการ โดยตลาดพม่าได้เข้าไปทำแล้วประมาณ 2 ปี แล้ว ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปพม่าโดยการนำสินค้า แผนธุรกิจ หรือเปิดออฟฟิศแล้วปล่อยให้ผู้นำพม่าดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเข้าไปจัดประชุมสัมมนาและเทรนนิ่ง ทำให้สามารถยกระดับผู้นำพม่า เมื่อผู้นำเก่ง เขาก็ดูแลช่วยเหลือคนอื่นได้ ทำให้ตลาดพม่าในไตรมาสแรกเราโตถึง 30 % เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว และในทุกเดือนบริษัทจะร่วมวางแผนกับผู้นำตลอด ดังนั้นผู้นำระดับสูงแต่ละคนรู้ว่าเขาต้องทำเนื้องานอะไรบ้าง ปัจจุบันตลาดพม่าเราเปิด 5 สาขาแล้ว คาดว่าจะเปิดเพิ่มในเร็วๆนี้อีก
สำหรับในประเทศลาวมีสาขา 2 แห่ง มีการเติบโตเพิ่ม 10 % เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีแนวคิดเปิดสาขาเพิ่มเติม ส่วนในตลาดเวียดนามบริษัทได้เปิดสาขาที่ฮานอย และกำลังจะเปิดอีกหนึ่งสาขาคาดว่าจะเป็น โฮจิมินท์ ขณะที่กัมพูชายังเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากความล่าช้าในการขออย.ทำให้ยังทำตลาดไม่ได้เต็มที่ในช่วงแรก ส่วนประเทศอื่นๆนอกจากนี้ บริษัทยังไม่มีนโยบายเข้าไปทำตลาด เพราะต้องการเน้นขยายตลาดในกลุ่ม ซีแอลเอ็มวี ให้แข็งแกร่งก่อน ปัจจุบันเราเปิดสาขาไปแล้ว 30 แห่ง เฉพาะประเทศไทยมีทั้งสิ้น 21 สาขา