Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 28 เมษายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
การตลาด-อีคอมเมิร์ซ
บูมเที่ยวเจ้าพระยา ศึกร้อน- ค้าปลีกริมตลิ่ง
บูมเที่ยวเจ้าพระยา ศึกร้อน- ค้าปลีกริมตลิ่ง
วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Tweet
การเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลต่อการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าธุรกิจห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม หรือโรงแรม ซึ่งล้วนเป็นโครงการหรูที่ดึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับบนทั้งสิ้น
สำหรับโครงการค้าปลีกที่สำคัญที่ถูกจับตามองอย่างมาก คือบิ๊กโปรเจกต์ที่มีทั้งพื้นที่ค้าปลีกและคอนโดฯ หรูมูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท บนที่ดิน 40 ไร่ ถนนเจริญนคร 5 เขตคลองสาน จากความร่วมมือของแมกโนเลีย-เครือเจริญโภคภัณฑ์ และสยามพิวรรธน์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2558
นอกจากนั้น กลุ่มทุนยักษ์ "ทีซีซี แลนด์" ของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ก็ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง หลังจากปักธง "เอเชีย ทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์" ขึ้นเป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างซอยเจริญกรุง 72-76 ยังมีแผนขยายโครงการต่อเนื่อง ทั้งเอเชียทีค 2 ฝั่งเจริญนคร 29 ไร่ พร้อมไฮไลต์ สำคัญอย่างกระเช้าลอยฟ้าข้ามเจ้าพระยาระยะทาง 800 เมตร และเอเชียทีคที่เชียงใหม่-หัวหิน โดยใช้เงินลงทุนอีกกว่า 5 พันล้านบาท
+ เอเชียทีคส่งเวทีมวยดึงคนเพิ่ม
นายฐวัฒน์ สมมะโนพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โครงการ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์" เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ มีชื่อเสียงมากขึ้นในระดับนานาชาติ ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวและช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืนริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งเดียวในเมืองไทย ปัจจุบันเอเชียทีคมีลูกค้าราว 10 ล้านคนหรือ 20,000-40,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นต่างชาติ 60% คนไทย 40% นักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 อันดับแรกที่นิยมเข้ามาในเอเชียทีค คือ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย อเมริกา อินโดนีเซีย อังกฤษ เยอรมนี และรัสเซีย ทั้งนี้ ภายในโครงการมีการใช้จ่ายถึง 3 พันล้านบาท แต่รายได้หลักของเอเชียทีคมาจากค่าเช่า ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 95%
นายฐวัฒน์กล่าวว่า เอเชียทีค มีการพัฒนาจุดขายใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมทั้งการพัฒนากลยุทธ์ตลาดกับพันธมิตรเพื่อดึงลูกค้าเข้ามาในโครงการ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่มีค่าใช้จ่ายสูง อาทิ การแสดง "ไทยโชว์" ซึ่งจะเป็นการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยแนวใหม่ ที่จะเปิดตัวในปี 2557 บัตรเข้าชมจะมีราคาประมาณ 1,000-1,500 บาท คาดว่าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวได้อีก 20%
ทั้งนี้ เอเชียทีค ได้กำหนดจัดเทศกาล "เอเชียทีค เฟสติวัล 2013" ขึ้น โดยมีกิจกรรมตลอดเดือน พ.ย.-ธ.ค. คาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นถึง 50,000 คนในวันธรรมดาและ 70,000 คน ในวันหยุด และใน วันเคาต์ดาวน์จะมีปริมาณนักท่องเที่ยวในโครงการถึง 100,000-300,000 คน
+ ยอดพิมานชูประวัติศาสตร์ริมน้ำ
นายเฉลียว ปรีกราน ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ตลาดยอดพิมาน จำกัด กล่าวว่า โครงการ "ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค" เริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2553 ด้วยงบประมาณ 1.5 พันล้านบาท โดยตัวอาคารใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท ในการปรับปรุง ให้เป็นอาคารสไตล์ "นีโอคลาสสิค โคโลเนียล" ตามสถาปัตยกรรม ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังเป็นอาคารที่มีระเบียงทางเดินริมน้ำยาวที่สุดบนเกาะรัตนโกสินทร์ อีกด้วย
ตัวอาคาร "ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค" พัฒนาภายใต้คอนเซปต์ "ไทย เฮอริเทจ มอลล์" บนพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 6 อาคาร ความสูง 3 และ 4 ชั้น ได้แก่ อาคารสยามปราการ อาคาร วิมานอโยธยา อาคารนาวาพาณิชย์ อาคารวิจิตพระนคร อาคารยอดพิมานธานีและอาคารบุรีสราญ
ภายในแต่ละอาคารจะถูกตกแต่งพื้นที่จากเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่โครง การ ตั้งแต่สมัยอยุธยา-กรุงธนบุรี-กรุงรัตน-โกสินทร์จนถึงปัจจุบัน โดยจะมีร้านค้าทั้งหมด 40 ร้าน บนพื้นที่ 6,000 ตร.ม. ซึ่งปัจจุบันมีผู้ค้าเข้าทำสัญญาแล้ว 20 จาก 40 ร้านค้า
ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้ากว่า 80% โดยในส่วนของระเบียงทางเดินริมน้ำคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ.2557 และในส่วนของการก่อสร้างโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลาย พ.ศ.2557
+ พลิกโฉมปากคลองตลาด
ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาอาคารยอด พิมาน ริเวอร์วอล์ค ในโครงการนี้บริษัทยังได้ทำการปรับปรุงพื้นที่อีก 2 ส่วนในบริเวณ เดียวกัน คือ ปากคลองตลาด และตลาดยอดพิมาน โดยบริษัทได้เข้าปรับปรุงแบบครบวงจรทั้งระบบจัดการขยะ อาคารสถานที่และระบบเช่าแผงค้าในส่วนพื้นที่ที่บริษัทได้รับสัมปทาน นอกจากนี้บริษัทยังได้สร้างทางเดินลอยฟ้าเชื่อมต่อทั้ง 3 ส่วนคือ ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค ปากคลองตลาดและตลาดยอดพิมาน เข้าด้วยกัน
นอกจากตัวสถาปัตยกรรมของตัวอาคารแล้วจุดเด่นหลักของโครงการคือ ระเบียงทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยายาว 300 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญได้รอบด้าน ได้แก่ สะพานพุทธ โบสถ์ซางตาครู้ส วัดกัลยาณ มิตรและวัดอรุณราชวราราม เป็นต้น
+ โชว์ท่าเทียบเรือใหญ่สุด
บริษัทจะเสริมจุดแข็งให้กับโครงการ "ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค" ด้วยการสร้าง ท่าเทียบเรือที่ใหญ่ที่สุดในเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ ยาว 24 เมตร จำนวน 2 ท่า และมีพันธมิตร คือ เจ้าพระยาทัวร์ริสต์ โบ๊ท (Tourist Boat) หรือเรือด่วนเจ้าพระยา ริเวอร์ซิตี้และเจ้าพระยาครุยส์ ซึ่งจะมาใช้ท่าเรือของโครงการเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวลงสู่ดินเนอร์ครุยส์ของตน
ทั้งนี้บริษัทยังได้ร่วมมือกับโรงเรียนราชินีเพื่อเข้าบริหารและปรับปรุงท่าเรือราชินี รวมทั้งได้สร้างทางเชื่อมจากทางออก สถานีรถไฟฟ้าสนามชัยมายังโครงการอีกด้วย
นอกจากการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางทางน้ำแล้ว บริษัทยังได้สร้างอาคารจอดรถอัจฉริยะซึ่งสามารถรอง รับรถยนต์ได้ถึง 300 คัน
+ ดึงจราจรทางน้ำเสริมลูกค้า
กลยุทธ์หลักของบริษัทในการบริหาร "ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค" ในช่วงแรกนี้คือเน้นให้มีผู้ใช้บริการตลอดเวลาทำการ โดย สร้างการเป็นศูนย์กลางการจราจรทางน้ำ ด้วยการเปิดท่าเรือให้เรือด่วนเจ้าพระยาเข้าจอดรวมถึงจะร่วมมือกับผู้ให้บริการเรือดินเนอร์ คือ เจ้าพระยาปริ้นเซส เจ้าพระยาครุยส์ แกรนด์เพิร์ลและริเวอร์ซิตี้ ใช้ท่าเรือของโครงการในการรับ-ส่งผู้โดยสาร ซึ่งคาดว่าจะมีมากกว่า 3,000 คนต่อวัน
ภายในโครงการ ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค นั้น บริษัทได้วางแผนให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ตลอดทั้งวัน นับตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ โดยช่วง 08.00-14.00 น. กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยว ส่วนในช่วง 14.00-20.00 น. จะเป็นนักเรียนในพื้นที่ ใกล้เคียงมาเรียนพิเศษรวมถึงผู้ปกครองที่มารอรับ และ 19.00-20.00 น. จะเป็นกลุ่มปาร์ตี้และทานอาหารค่ำ
ด้วยเหตุนี้ร้านค้าภายทั้ง 40 ร้านในโครงการจะมีทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่มอินเตอร์แบรนด์เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการในครั้งแรกและร้านอาหารไทย โรงเรียนสอนพิเศษสำหรับนักเรียนจากโรงเรียนใกล้เคียง และยังมีสปา ร้านจำหน่ายสินค้าโอท็อป สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ปกครองที่มารอรับบุตรหลาน
นอกจากนี้ บริษัทยังจัดเรือ shuttle boat ส่วนตัวของโครงการไว้สำหรับบริการ นักท่องเที่ยว รวมถึงระบบรถ shuttle bus เพื่อบริการรับส่งนักท่องเที่ยวที่มา เยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ ในย่านนี้
+ เล็งลูกค้า 20,000 คนต่อวัน
หลังเปิดให้บริการโครงการเต็มรูปแบบ บริษัทคาดว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการประมาณ 20,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นชาวไทย 70% และชาวต่างชาติ 30% และจากแนวโน้มการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสนามไชยในปี พ.ศ. 2558 คาดว่าจะทำให้มีผู้บริโภคมายังโครง การยอดพิมาน ริเวอร์วอล์คมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลาประมาณ 5 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
“วัตสัน” ประกาศแผนปี 68 ลุยธุรกิจฝ่าคว...
...
CPN เผย 3 สูตรความสำเร็จ ‘Market Place เ...
...
‘KANORI Hand roll bar’ เผย ธุรกิจร้านอาห...
...
“กลุ่มพูลผล” เดินหน้าองค์กรผ่าน 4 กลยุทธ...
...
"กูร์กูร์ ชิคเก้นท์" ไก่ทอดเกาหลีชื่อดัง...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ