Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
สมุนไพร "บัวหลวง" ประโยชน์จากรากจดใบ
สมุนไพร "บัวหลวง" ประโยชน์จากรากจดใบ
วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
"บัวหลวง" มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nelumbo nucifera Gaertn. จัดอยู่ในตระกูล NYMPHACA CEAE มีหลายสายพันธุ์ พบมากในเขตอบอุ่น และตามแหล่งน้ำทั่วโลก
ในอดีตดอกบัวถือเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ นิยมใช้ในการบูชาเทพเจ้าพระพุทธรูปและใช้ในพิธีกรรมที่มีความสำคัญในหลายๆ ช่วงของชีวิต ทั้งยังนิยมนำมาใช้ในสัญลักษณ์ทางศาสนา ทั้งพุทธและพราหมณ์ ชาวจีนเองก็มีความเชื่อเกี่ยวกับบัวเช่นกัน โดยเชื่อว่า ดอกบัว หรือ เหลียนฮวา เป็นสัญลักษณ์แห่งความปรองดองกัน รวมกัน และต่อเนื่องไม่จบสิ้น จึงปรากฏในภาพเขียนที่มีความเป็นสิริมงคลอยู่เสมอ สำหรับชาวไทยพุทธจะนิยมนำดอกมาสักการะพระรัตนตรัย และใช้ในพิธีทางศาสนา นอกจากนี้ ในศิลปะหลายๆ แขนงก็ได้มีการนำดอกบัวมาใช้ในเชิงสัญลักษณ์อย่างแพร่หลาย
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในหลายๆ พื้นที่เชื่อว่าสมุนไพรหลายๆ ชนิด มักมีรหัสที่บ่งบอกคุณสมบัติของตัวเองว่าเหมาะสมที่จะใช้กับอวัยวะใดเสมอ ดอกบัวก็เช่นกัน
หากสังเกตจะพบว่า ดอกบัวมีลักษณะคล้าย หัวใจ ซึ่งก็ตรงกับสรรพคุณในการช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่นและยังช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงครรภ์ ช่วยให้เกิดลมเบ่งและคลอดลูกง่าย ดังนั้น ดอกบัวจึงไม่ใช่เพียงแค่ใช้ไหว้บูชาพระเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์เป็นยาในทุกส่วนของบัว
ตำรับ "ยาสว่างอารมณ์" จากเกสรบัวหรือรากบัว ช่วยบำรุงหัวใจ มีวิธีทำ คือ ให้นำเกสรบัวหรือรากบัวไปหั่นและตากแดดให้แห้ง บดเป็นผงผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลาก่อนอาหาร ถ้าไม่มีน้ำผึ้งอาจใช้ผงยาละลายน้ำกิน ครั้งละครึ่งถึง 1 ช้อนชา จะทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวย
นอกจากนี้ รากบัวยังช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ แก้อ่อนเพลียและเป็นยาชูกำลังได้ดี ส่วนที่เรียกว่าไหลบัว ซึ่งเป็นหน่อของบัวนั้น ก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้อร่อยอีกด้วย
สำหรับเม็ดบัวหลายๆ คนอาจคุ้นเคยกับการใช้ในขนมหวานหรือในบ๊ะจ่าง นอกจากจะมีรสหวานมันอร่อยแล้ว เม็ดบัวยังให้คุณค่าทางอาหาร โดยเม็ดบัวแห้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 332 กิโลแคลอรีประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 64.4 กรัม โปรตีน 15.4 กรัม แคลเซียม 163 มิลลิกรัม และฟอสฟอรัส 626 มิลลิกรัม
ตามตำรายาจีนและอินเดียถือว่าเม็ดบัวเป็นยาหรืออาหารบำรุงกำลังที่ดีตัวหนึ่ง นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงกระเพาะและลำไส้ให้แข็งแรง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี นอนหลับง่าย ผ่อนคลายประสาทที่ตึงเครียด แก้อาเจียน แก้กระหายน้ำ แก้ระดูขาว ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยหลังฟื้นไข้
ดีบัว เป็นส่วนที่อยู่ภายในเม็ดบัว มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ ขยายหลอดเลือดหัวใจเพิ่มการไหลเวียนเลือด ช่วยบรรเทาอาการโรคเส้นเลือดหัวใจตีบให้ดีขึ้น
ใบบัว เรามักจะพบเห็นการใช้ใบบัวในการห่อข้าวของเครื่องใช้ แต่ก็มีหลายๆ ที่ที่ใช้ใบบัวในสรรพคุณทางยา อาทิ ใช้แก้เลือดกำเดาไหลบ่อย ใช้แก้ลมพิษ ริดสีดวงจมูก แก้ไข้และทำให้เกิดลมเบ่งได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ส่วนต่างๆ ของบัวยังสามารถนำมาทำเมนูต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น การนำส่วนต่างๆ ของบัวมาทำเป็นชาหรือทำน้ำสำหรับดื่ม
ชาดีบัว มีสรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือดในหัวใจ โดยมีขั้นตอนการเตรียมคือ ให้นำดีบัวมาล้างให้สะอาด และนำไปตากให้แห้ง จากนั้นนำมาคั่วหรืออบแห้ง เก็บใส่ขวดให้มิดชิด ปิดฝาให้แน่น
วิธีทำ ใช้ดีบัวแห้งประมาณหนึ่งหยิบมือใส่ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนที่เดือดแล้วลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ให้ตัวยาละลายออกมาจึงดื่ม หรือใช้วิธีการต้มเดือด
ชาเกสรบัว มีสรรพคุณเป็นยาสมานแผลในร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท โดยมีขั้นตอนการเตรียม คือ ล้างเกสรบัวให้สะอาด แล้วนำไปตากให้แห้ง จากนั้นนำมาคั่วหรืออบแห้ง แล้วเก็บใส่ขวดให้มิดชิด ปิดฝาให้แน่น
วิธีทำ ใช้เกสรบัวแห้งประมาณหนึ่งหยิบมือใส่ ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนที่เดือดแล้วลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ให้ตัวยาละลายออกมาจึงดื่ม หรือใช้วิธีการต้มเดือด
ชาใบบัว มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย แก้ไข้ บำรุงโลหิต โดยมีขั้นตอนการเตรียม คือ ล้างใบบัวให้สะอาด แล้วนำไปตากให้แห้ง จากนั้นนำมาคั่วหรืออบแห้ง แล้วเก็บใส่ขวดให้มิดชิด ปิดฝาให้แน่น
วิธีทำ ใช้ใบบัวแห้งประมาณหนึ่งหยิบมือใส่ในแก้วน้ำ เทน้ำร้อนที่เดือดแล้วลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ให้ตัวยาละลายออกมาจึงดื่ม หรือใช้วิธีการต้มเดือด
น้ำรากบัว เนื้อของรากบัวมีวิตามินซีและเกลือแร่ชนิดต่างๆ มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง ช่วยให้ฟื้นไข้เร็ว แก้อาการร้อนใน ช่วยสร้างเลือด และช่วยให้เจริญอาหาร มีส่วนประกอบคือ น้ำ 6 ถ้วย รากบัวหั่นแว่น 300 กรัม น้ำตาลทราย 1 ใน 4 ถ้วย น้ำแข็ง
สำหรับวิธีทำ ให้ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟอ่อนให้ร้อน ใส่รากบัวลงไป ต้มจนได้น้ำสีชมพู แล้วกรองเอากากออก จากนั้นใส่น้ำตาล ต้มต่อสักครู่ให้น้ำตาลละลาย แล้วยกลง รินใส่แก้วน้ำแข็งพร้อมดื่ม สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น
นอกจากชาและน้ำตามที่แนะนำไปแล้ว ยังมีเมนูสายบัวดองและไหลบัวดอง ซึ่งมีส่วนประกอบ คือ สายบัวเกลือ มะดันแห้งหรือมะขามเปียก
วิธีทำลำดับแรก นำสายบัวมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือก และหั่นยาวประมาณ 1 คืบ นำสายบัวใส่หม้อหรือขวดโหลที่เตรียมไว้ ใส่เกลือและมะดันแห้งลงไป ดองทิ้งไว้สักพักพอสายบัวนิ่มจึงนำมารับประทานได้ ส่วนไหลบัวดอง มีส่วนประกอบแบบเดียวกันเพียงแต่เปลี่ยนสายบัวเป็นไหลบัวเท่านั้น
"ดอกบัวหลวง แม้จะเกิดจากโคลนตม แต่ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ ที่ผูกพันกับช่วงชีวิตของเรา ตั้งแต่เกิดโดยกินให้เกิดลมเบ่งคลอดออกมา ใช้รองตัดผมตอนบวช เป็นดอกไม้บูชาพระ กินแก้วิงเวียนในวัยชรา ใช้รักษาอาการป่วย และสุดท้ายเป็นดอกไม้สำหรับนำขึ้นไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งหลายสิ่งก็ได้ห่างหายไป ดังนั้น เราจึงควรช่วยกันนำ "บัว" กลับมาเยียวยารักษาทั้งทางด้านจิตใจและสังคมต่อไป" ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ