พืชผักสวนครัวไทย...สู้ภัยโรคหลอดเลือด

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พืชผักสวนครัวไทย...สู้ภัยโรคหลอดเลือด


"คอเลสเตอรอล" มีหน้าที่ที่จำเป็นหลายอย่างในร่างกาย โดยจะถูกนำมาใช้สร้างฮอร์โมน และเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ ในภาวะที่ร่างกายขาดคอเลสเตอรอลจะทำให้ผนังเซลล์อ่อนแอลง ไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้และอาจทำให้ผนังหลอดเลือดบาง การสร้าง ฮอร์โมนเพศชายหรือหญิงก็อาจมีความผิดปกติไปด้วย
ที่สำคัญ คือ คอเลสเตอรอลจะถูกนำไปสร้างกรด น้ำดีโดยตับ เพื่อใช้ย่อยไขมัน ถ้าขาดคอเลสเตอรอล กลไกนี้ก็จะผิด ปกติไปด้วย
ตามปกติ คอเลสเตอรอล 60-70% จะถูกสร้างขึ้นที่ตับ ส่วนที่เหลือจะได้รับจากอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะ ไขมันสัตว์ เช่น เนื้อติดมัน หมูติดมัน ข้าวมันไก่ ขาหมู เครื่องใน หนังเป็ด หนังไก่ ไข่แดง ไข่ปลา กุ้ง ปลาหมึก เป็นต้น
แม้จะมีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลาย ประการ แต่ความจริงแล้วคอเลสเตอรอลนั้น มีทั้งตัวที่ให้คุณและให้โทษ คือ LDL-C และ HDL-C
แอล-ดี-แอล-ซี (LDL-C) เป็นไขมันให้โทษ ซึ่งถ้ามี LDL-C ไม่เพียงพอ ผนังหลอดเลือดจะบางลง การผลิตฮอร์โมนต่างๆ ก็จะลดลง แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือดแดงจนหลอดเลือดแดงแข็งตัวมากเกินไป จนเกิดโรคตามอวัยวะต่างๆ เช่น อัมพาต, โรคหัวใจขาดเลือด, ไตวาย, หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
เอช-ดี-แอล-ซี (HDL-C) เป็นไขมันดี ทำหน้าที่นำคอเลสเตอรอลที่เหลือใช้กลับไปยังตับหรือนำไขมันที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดออกมานั่นเอง ผู้ที่มี HDL-C ต่ำจะเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งเราสามารถเพิ่ม HDL-C ให้สูงได้ด้วยการหยุดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ในทางการแพทย์ค่าปกติของคอเลสเตอรอลรวม ต้องน้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร สำหรับ LDL-C ต้องน้อยว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจแล้ว ควรรักษาระดับ LDL-C ให้น้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ส่วนไตรกลีเซอร์ไรด์แนะนำให้ต่ำกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยละลายน้ำ เช่น พวก เพคติน ซึ่งจะมีมากใน ฝรั่ง แอปเปิล ถั่วฝัก ฟักทอง ผิวสี ขาวด้านในของส้ม พลับ และแครอท จะช่วยดูดซึมคอเลส เตอรอลและกรดน้ำดีไว้ ซึ่งจะขับถ่ายออกมากับอุจจาระ
เมื่อกรดน้ำดีถูกขับออกมาจากร่างกาย ตับก็จะสร้าง กรดน้ำดีขึ้นมาใหม่โดยใช้คอเลสเตอรอลในเลือด จึงทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง นอกจากนี้ เพคตินยังไปขัดขวางการดูดซึมน้ำตาล ทำให้เกิดไตรกลีเซอร์ไรด์ยากขึ้น
ส่วนการออกกำลังกาย และควบคุมน้ำหนักเพื่อให้เกิด การเผาพลาญพลังงาน และลดปริมาณไขมันในเลือดนั้น ต้องเป็นการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง ครั้งละ 20-30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เพื่อเพิ่ม สมรรถภาพของปอดและ หัวใจโดยการเดินเร็ว จ๊อกกิ้ง เต้นรำ ขี่จักรยาน
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้า พระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า มีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณ สมบัติในการลดไขมันในเลือด แต่การวิจัยส่วนใหญ่ยังไม่มี การทดลองใช้ในคนมากนัก จึงไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ป่วย ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจะสามารถใช้สมุนไพรทดแทนได้
แต่การควบคุมระดับคอเลสเตอรอลนั้นต้องอาศัย ปัจจัยหลายด้านตามที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้น จึงเป็น การดีต่อผู้ป่วยถ้าสามารถรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติ ลดคอเลสเตอรอลร่วมด้วย
"กระเทียม" มีสารที่มีกลิ่นฉุน ซึ่งเป็นส่วนประกอบ ของกำมะถัน เมื่อเทียบกับพืชผักที่มีกลิ่นฉุน กระเทียมจัด ได้ว่ามีสารประกอบกำมะถันมากกว่าผักชนิดอื่นๆ ถึง 4 เท่า
สารกลิ่นฉุนของกระเทียมจะช่วยรักษาสมดุลของระดับคอเลสเตอรอล โดยเพิ่มปริมาณไขมันดีและลดไขมันร้าย ช่วยต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของไขมันร้าย ต้าน การจับตัวกันของเกร็ดเลือด ซึ่งจะลดการจับเป็นคราบของ ไขมันที่ผนังหลอดเลือดแดงอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ กระเทียมยังช่วยลดความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
ในการรับประทานเพื่อการรักษาแนะนำให้รับประทาน กระเทียมสดครั้งละ 5 กรัม วันละ 3 เวลา หลังอาหาร และสำหรับขนาดรับประทานเพื่อการป้องกัน แนะนำให้รับประทานกระเทียมสดครั้งละ 5 กรัม วันละครั้ง
อย่างไรก็ตาม กระเทียมมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อระบบ ทางเดินอาหาร ดังนั้น จึงควรรับประทานพร้อมโปรตีน บาง คนอาจแพ้กระเทียม ซึ่งมีทั้งอาการแพ้ทางผิวหนัง หอบหืดผู้ที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้มีโอกาสแพ้กระเทียมมากกว่าคนปกติ
การรับประทานกระเทียมต้องระวังการรับประทานร่วมกับยาป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดเพราะจะเสริมฤทธิ์ของยา ผู้ที่รับ-ประทานกระเทียมในปริมาณมากเป็นประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบกรณีที่ต้องผ่าตัด เพราะจะเพิ่ม ความเสี่ยงต่อภาวะเลือดไม่แข็งตัว
"ขิง" มีสรรพคุณช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม มีการศึกษา พบว่า ขิงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ลดคอเลสเตอรอล ลดการอักเสบ เพิ่มภูมิ คุ้มกัน แก้ปวด แก้คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
ขิงมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง โดยพบว่า การผสมขิงสดลงในอาหารที่มีคอเลสเตอรอลผสมอยู่ จะ ช่วยลดการเพิ่มขึ้นของคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และยังพบว่าขิงยังช่วยลดการสร้างคอเลสเตอรอลของตับ
นอกจากนี้ ขิงยังมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีปัญหาของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดและขับปัสสาวะ จึงช่วยลดความดันโลหิตและยังมีฤทธิ์ป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
สำหรับวิธีรับประทานนั้นยังไม่มีขนาด ที่แน่นอน แต่แนะนำให้รับประทานสดพร้อม อาหารวันละ 3 เวลา หรือใช้ขิงสดฝานแล้วต้มน้ำ ทำเป็นน้ำขิงรับประทาน เป็นประจำ
"พริก" จากการศึกษาในหนูพบว่าเมื่อได้รับอาหารที่มีคอเลสเตอ รอลสูงพร้อมกับพริก พริกจะทำให้ระดับไตรกรีเซอไรด์ในเลือดลดลง โดย พริกไปกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนที่ชื่อว่า แคททีโคลามีนทำให้การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตดีขึ้น นอกจากนี้ พริกยังทำให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งสามารถลดความดันโลหิตได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พริกไม่ได้ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหารไม่ควรรับประทานเพราะพริกจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนมาที่กระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เลือดออกมากขึ้นได้
สำหรับวิธีรับประทานนั้น ยังไม่มีขนาดที่แน่นอนในการใช้เพื่อการรักษา แต่แนะนำให้รับประทานพริกพร้อมอาหารให้มากขึ้น
"หอมใหญ่" มีสรรพคุณเช่นเดียวกับกระเทียม คือ แก้หวัด แก้ไอ แก้หอบหืด ต้านมะเร็ง บำรุงระบบย่อยอาหาร บำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด ทั้งยังมีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
สารสำคัญในหอมใหญ่มี 2 พวก คือ สารที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบและสารพวกฟราโวนอยด์ เช่น เคอร์ซิทิน ซึ่งสารเหล่านี้ทำให้หอมใหญ่มีสรรพคุณทางยา เช่น ลดน้ำตาลในเลือดโดยการยับยั้งการสลายตัวของอินซูลิน กระตุ้นการสร้างอินซูลินจากตับอ่อน
สำหรับวิธีรับประทาน แนะนำให้รับประทานเป็นประจำวันละ 50 กรัม โดยแบ่งรับประทานครั้งละ 1 ใน 4 หัว วันละ 3 เวลา



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ