สมุนไพร"เปล้าตะวัน"ช่วยขยายหลอดเลือด

วันพุธที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สมุนไพร


แม้สมุนไพรไทยส่วนใหญ่จะถูกระบุไว้ในตำรายาโบราณต่างๆ แล้ว แต่ทุกวันนี้ยังคงมีผู้ค้นพบสรรพคุณทางยาของพืชที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงในตำราโบราณอยู่
บางกรณีเป็นการค้นพบสรรพคุณเพิ่มเติมจากความรู้ที่มีอยู่เดิม ผสมผสานกับการทดลองด้วยการแพทย์ปัจจุบันช่วยให้ทราบสรรพคุณที่ผู้คนในสมัยโบราณไม่ทราบ เช่น การต้านอนุมูลอิสระ การต่อต้านแบคทีเรีย หรือไวรัสบางชนิด รวมถึงการยับยั้งเซลล์มะเร็ง เป็นต้น
สมุนไพรเปล้าตะวันเองเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีการค้นพบสรรพคุณทางการแพทย์เพิ่มเติมในยุคปัจจุบัน จากการรวมกันของความรู้เก่าและใหม่
โดยแต่เดิมสมุนไพรเปล้าแดง หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า เปล้าตะวัน จะใช้ในการรักษาอาการโรคกระเพาะอาหาร ด้วยการนำมาต้มจนได้น้ำรสขม สีน้ำตาลเข้มคล้ายชา สำหรับใช้ดื่มวันละ 3-4 เวลา ติดต่อกันเป็นประจำนาน 1-2 สัปดาห์ อาการปวดและแสบท้องจากโรคกระเพาะจะทุเลาลง
แต่จากการค้นพบใหม่พบว่าสมุนไพร เปล้าตะวันมีสรรพคุณเกี่ยวกับโรคหลอดเลือด ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกันอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของการค้นพบนี้เกิดจากนายกอบโชค พ่วงพี ได้นำสมุนไพรเปล้าตะวันมาใช้บำบัดอาการโรคหัวใจโตและเส้นเลือดหัวใจตีบ ตามคำแนะนำของมารดาที่เป็นหมอผดุงครรภ์ หลังจากใช้สมุนไพรรักษาได้ 3 เดือน เมื่อรับการตรวจที่โรงพยาบาล พบว่าหัวใจกลับสู่ภาวะปกติ โดยไม่ต้องผ่าตัดทำบายพาสหลอดเลือด
หลังจากนั้นได้มีการนำสมุนไพรดังกล่าวไปวิเคราะห์ที่หน่วยงานของรัฐและเอกชนหลายแห่งเพื่อระบุสรรพคุณทางยาของสมุนไพรเปล้าตะวัน ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า มีสรรพคุณเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบภายใน ขยายหลอดเลือดและฆ่าเซลล์มะเร็งในทางเดินน้ำดีได้ผลถึง 50-55%
ต่อมานางพิชญ์สินี วิสุทธิแพทย์ ภรรยาของนายกอบโชคได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์พืชและได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรในปี 2548
ซึ่งมีการนำสมุนไพรเปล้าตะวัน มาผลิตเป็นยาสมุนไพรชนิดแคปซูล ในชื่อว่า "ยาขับลมตราเพชรแดง" โดยขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2550
"ตัวยาขับลมตราเพชรแดง" นั้นมีสมุนไพรเปล้าตะวันเป็นส่วนผสมหลัก มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนและริดสี ดวงทวาร รวมถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารเรื้อรัง
ยาชนิดนี้มีข้อได้เปรียบเช่นเดียวกับยาสมุนไพรอื่น คือ จะทำงานด้วยการช่วยปรับสมดุลให้กับระบบทางเดินอาหารให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงกับร่างกายของผู้ใช้ แต่ในขณะเดียวกันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลานานกว่ายาแผนปัจจุบันด้วย
ด้วยเหตุนี้ผู้ป่วยจึงควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน เพื่อให้ร่างกายได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ