เช็กประจำเดือนด้วยศาสตร์จีน เตือนสุขภาพภายในหญิง

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เช็กประจำเดือนด้วยศาสตร์จีน เตือนสุขภาพภายในหญิง


แพทย์จีนเชน ปรีชาวณิชวงศ์ แพทย์แผนจีนจากโรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า ในทางการแพทย์แผนจีนผู้หญิงมีความสัมพันธ์กับเลือดมาก เพราะต่างก็เป็นธาตุหยินหรือธาตุเย็นทั้งคู่ ขณะเดียวกันพื้นฐานร่างกายของผู้หญิงก็มีความสัมพันธ์กับอวัยวะตับในทางการแพทย์จีนอย่างแน่นแฟ้น
ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ตับเป็นอวัยวะที่กักเก็บเลือดไว้ก่อนจะปล่อยไปให้อวัยวะอื่นๆ ใช้งานและเส้นลมปราณตับเดินผ่านอวัยวะเพศและหน้าอก อีกทั้งตับเป็นตัวควบคุมการเดินของลมปราณในร่างกายให้คล่องตัว รวมไปถึงอารมณ์ต่างๆ ด้วย
ดังนั้น ลักษณะของประจำเดือนจึงสามารถบ่งบอกสภาพ การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายได้ เช่น สี ปริมาณก้อนเลือด และความช้าเร็วของรอบเดือน เป็นต้น
สำหรับสีของประจำเดือนนั้น หากมีสีแดงเข้มมักจะเป็นคนที่ร้อนใน ตามสภาพว่าไฟมันร้อนเลือดจึงมีสีเข้ม และเหนียวข้น ผู้มีประจำเดือนประเภทนี้มักจะหิวน้ำและท้องผูกบ่อยรวมถึงหงุดหงิดง่าย
ประจำเดือนสีแดงซีด คือคนที่ขาดเลือด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคโลหิตจาง หากไปตรวจปริมาณเม็ดเลือดอาจจะยังปกติไม่มีปัญหา โดยมักจะเป็นคนไม่มีแรง ใบหน้าซีด เล็บซีด ปากซีด เวียนศีรษะและหลงลืมสิ่งต่างๆ ง่าย นอนไม่หลับ
ส่วนประจำเดือนสีแดงคล้ำ คือคนที่มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน ส่วนใหญ่ประจำเดือนสีนี้มักจะมีลิ่มเลือดออกมาด้วยเสมอ สีประจำเดือนแบบนี้เกิดได้หลายสาเหตุ อาจจะเป็นคนขี้หนาวหรืออยู่ในห้องเย็นๆ เป็นประจำหรืออาจจะเป็นคนที่เครียดมากและเครียดบ่อย
ด้านปริมาณของเลือดประจำเดือนควรจะดูประกอบกับสีด้วยจะบอกข้อมูลได้ชัดเจนขึ้นไปอีก หากประจำเดือนมาน้อยและมีสีแดงซีด แสดงว่าเลือดน้อยจนไม่มีเลือดจะให้เสียแล้ว มักมีอาการปวดท้องประจำเดือนด้วย
ประจำเดือนมาน้อยและสีแดงคล้ำ แสดงว่ามีเลือดคั่งอุดทางเดินประจำเดือน ทำให้เห็นว่าประจำเดือนมาน้อย แต่ที่จริงแล้วคั่งอยู่ข้างในออกไม่ได้ กรณีนี้ก็มักปวดท้องประจำเดือนด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเกิดประจำเดือนมาคล่องหรือก้อนเลือดหลุดออกมาแล้วจะหายปวด
ประจำเดือนมามากมีสีแดงเข้ม มักจะเกิดจากความร้อน โดยที่มามากก็เพราะความร้อนมันขับดันให้เลือดเดินไว และเดินเยอะ
ประจำเดือนมามากแต่มีสีแดงซีด มีสาเหตุมาจากร่างกายขาดลมปราณ เนื่องจากลมปราณเป็นตัวควบคุมนำทางให้เลือดเดินไปในทางที่มันควรจะไป เมื่อลมปราณพร่องแล้ว เลือดก็ไม่มีตัวควบคุม แล้วเมื่อเลือดไหลออกไปเรื่อยๆ ลมปราณก็จะยิ่งพร่อง เพราะขาดเลือดหล่อเลี้ยง สุดท้ายเกิดเป็นวงจรที่แย่ลงเรื่อยๆ
ผู้ที่มีประจำเดือนลักษณะนี้จะส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลียง่าย รู้สึกไม่มีแรง วิงเวียนศีรษะบ่อยครั้งและไม่อยากอาหาร ส่วนกรณีประจำเดือนมามากและสีแดงคล้ำ ก็คือมีเลือดคั่งอยู่
สำหรับผู้ที่ประจำเดือนกะปริบกะปรอยมาไม่หยุด แบ่งสาเหตุได้เป็น 2 กรณี คือ ลมปราณพร่องซึ่งสีของเลือดจะซีด อีกประเภท คือเลือดร้อน สีของเลือดจะสด
การดูลักษณะก้อนเลือดและลิ่มเลือดนั้น บางคนประจำเดือนมาเป็นก้อนๆ มักมีอาการปวดประจำเดือนร่วมด้วย บางคนเหมือนมีเศษเนื้อหลุดออกมาด้วย พอก้อนเลือดหรือเศษเนื้อหลุดออกมาแล้ว มักจะหายปวดประจำเดือน ก้อนเลือด และลิ่มเลือด ก็คือเลือดคั่ง เลือดเดินไม่สะดวก เกิดได้หลายสาเหตุ แต่หลักๆ มีอยู่สองอย่าง คือ อารมณ์เสียและพิษเย็น
รอบเดือนไม่ปกติ รอบเดือนมาก่อนเวลา มีได้หลายสาเหตุ โดยมากแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เลือดร้อน หรือลมปราณพร่อง
กรณีที่รอบเดือนชอบมาหลังเวลา เป็นเพราะ 3 สาเหตุหลักๆ คือ เลือดคั่ง พิษเย็นและเลือดน้อย สาเหตุ 2 อันแรกจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี อันสุดท้ายเพราะไม่มีเลือดให้ไหลเวียน
การปวดประจำเดือนแยกคร่าวๆ ออกมาได้ดังนี้ ปวดช่วงวันแรกๆ พอมาเยอะขึ้นก็หายปวด มักมีอาการท้องแน่นๆ คัดหน้าอกควบคู่ไปด้วย
ให้ลองสำรวจตัวเองว่าเป็นคนอารมณ์เสียง่ายหรือไม่ โดยตับจะเป็นตัวควบคุมเลือดและลมปราณเมื่ออารมณ์ไม่ดีลมปราณ ก็จะเดินไม่คล่อง ลมปราณไม่เดิน เลือดก็เลยไม่เดินไปด้วย
ปวดหลังจากประจำเดือนจะหมดหรือหมดแล้ว มักจะไม่ปวดรุนแรงมาก แต่จะมีอาการอ่อนเพลียควบคู่ เกิดจากเลือดน้อย คล้ายกับกรณีหัวใจขาดเลือดแล้วเจ็บหน้าอก
การปวดประจำเดือนมีความสัมพันธ์กับความเย็น ถ้าปกติเป็นคนชอบกินน้ำเย็น น้ำแข็ง ชอบว่ายน้ำ ใส่กระโปรงสั้นทำงานในห้องแอร์ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จะทำให้ปวดประจำเดือนจากเลือดที่ไหลเวียนไม่ดี
นอกจากนี้ แพทย์จีนเชนยังได้แนะนำข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับประจำเดือนอีกด้วย ข้อแรกคือ อย่าเครียดเพราะลมปราณจะเดินไม่สะดวก และหลีกเลี่ยงการกินของเย็นและอากาศเย็น เช่น ใส่กางเกงขายาวทำงาน เพราะการที่หัวเข่าตากแอร์นานๆ ทำให้ปวดประจำเดือน
เมื่อปวดประจำเดือนควรกินน้ำอุ่น การประคบบริเวณท้องน้อยด้วยถุงน้ำร้อนมักจะให้ผลดี ลดการปวดได้และหากปวดมากสามารถกินยาแก้ปวดได้
หากพบว่าตนเองตรงกับประเภทเลือดน้อย ควรกินอาหารพวกบำรุงเลือด เช่น ตับ งาดำ ผักปวยเล้งหรืออาจจะซื้อยาจีนที่ชื่อว่า "ตังกุย" มาชงชาหรือต้มน้ำแกงกินก็ได้ โดยสามารถซื้อได้ที่ร้านยาจีนห่อละห้ากรัม ต้มน้ำสักสิบนาทีให้เหลือน้ำประมาณแก้วน้ำเล็กๆ กินวันละครั้ง
สำหรับกลุ่มเลือดร้อนควรงดอาหารรสจัดของทอด ของมัน เช่น นม เนย ชีส น้ำมันรวมถึงทุเรียนและของที่ทำให้ร้อนในต่างๆ
กลุ่มเลือดคั่งอาจจะจิบสุราเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้สามารถกินตังกุยได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ควรจะไปตรวจร่างกายหาสาเหตุที่แท้จริงของประจำเดือนไม่ปกติก่อน ไม่ว่าจะเป็นอัลตราซาวด์ เจาะเลือดวัดฮอร์โมน ตรวจปัสสาวะว่าท้องหรือไม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ สาเหตุอื่นๆ เช่น ซีสต์ช็อกโกแลตทำให้ปวดประจำเดือน มีซีสต์บางที่ก็ทำให้ประจำเดือนไม่มา บางคนไม่ตกไข่ด้วยซ้ำ มะเร็งก็ทำให้ประจำเดือนผิดปกติได้ หากตรวจแล้วไม่พบอะไรที่ต้องสงสัย ถึงเวลานั้นแพทย์จีนจึงจะมีประโยชน์มากในการรักษา
"ในการรักษาหมอแผนปัจจุบันตอนนี้รักษาประจำเดือนด้วยฮอร์โมนเป็นหลัก แต่หมอจีนใช้ยาจีนในการปรับสมดุลครับ" แพทย์จีนเชน กล่าวทิ้งท้าย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ