Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
"ก้นกรองบุหรี่"เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง
"ก้นกรองบุหรี่"เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง
วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
ในวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ซึ่งหลายหน่วยงานได้จัดกิจกรรมเชิญชวนให้ผู้สูบเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับภัยจากบุหรี่ด้วย น.พ.เจษฎา มณีชวขจร อายุรแพทย์มะเร็ง โรงพยาบาลราชวิถี กรรมการสมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทยและแพทย์จากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ต่อสุขภาพและแนวทางการรักษา
สารหลายชนิดในส่วนประกอบของบุหรี่ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่ สารทาร์ หรือน้ำมันดิน เป็นส่วนประกอบสำคัญของใบยาสูบ มีลักษณะเหนียว สีน้ำตาลเข้ม เป็นสารก่อมะเร็ง โดยสารที่เรียกว่า Benzopyrene สารนี้ก่อการระคายเคืองเรื้อรังทำให้มีอาการไอ ถุงลมโป่งพอง
สารกัมมันตรังสีในควันบุหรี่มีสารโพโลเนียม-210 ที่ให้รังสีแอลฟา ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรังเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอีกส่วนหนึ่งและยาฆ่าแมลงหรือสารตกค้างในใบยาสูบจากการพ่นสารพิษเพื่อฆ่าแมลง
แม้บุหรี่จะมีไส้กรองด้านท้ายบุหรี่ก่อนสูบเข้าสู่ร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถกรองสารพิษเหล่านี้ได้ในทางตรงกันข้ามการกรองสารเหล่านี้ให้ผ่านเข้าทางเดินหายใจด้วยขนาดเล็กลงจะทำให้เข้าสู่ถุงลมส่วนปลายได้ง่ายและเร็วขึ้น ในระยะหลังจึงพบความผิดปกติที่หลอดลมส่วนปลายหรือถุงลมได้มากขึ้นและมีความรุนแรงของโรคมากขึ้นไม่เหมือนหลอดลมส่วนต้น
ผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนปลาย หรือบริเวณถุงลมปอด มักมาพบแพทย์ช้า เนื่องจากในช่วงแรกไม่ค่อยมีอาการจนเมื่อเป็นมากถึงระดับมีอาการเหนื่อยจึงมาพบแพทย์ การรักษาด้วยยาเฉพาะที่ได้ผลดีจึงทำได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะรับยาเคมีบำบัด หรือรับยาได้ แต่ไม่เต็มที่
ด้วยเหตุนี้จำนวนผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษา และทำให้โรคมีขนาดเล็กลง จึงมีไม่ถึงครึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงคงที่ หรือชะลอโรคเท่านั้น
การป้องกัน หรือเฝ้าระวังในผู้ป่วยสูบบุหรี่ แม้จะพยายามเอกซเรย์ปอดทุก 6-12 เดือน ก็ไม่สามารถป้องกันได้เต็มที่ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น การเลี่ยงบุหรี่ หรือลดความเสี่ยง จึงเป็นคำตอบที่ดีกว่า
ทั้งนี้ หากสามารถงดสูบบุหรี่ในวันนี้ได้ จะส่งผลให้อุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งปอดลดลงเท่าคนไม่สูบบุหรี่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า และโรคมะเร็งปอดส่วนใหญ่มักเป็นในอายุ 50-60 ปี ดังนั้น ท่านหรือคนใกล้ชิดท่าน จึงไม่ควรรอที่จะงดสูบบุหรี่
สำหรับในประเทศไทย แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ มีการจำกัดอายุผู้ซื้อบุหรี่ มีการปกปิดเลี่ยงการโฆษณาสินค้าบุหรี่ ทั้งในจุดจำหน่ายและผ่านสื่อ รวมถึงการแสดงคำเตือนหน้าซองบุหรี่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ลดปริมาณได้มากนัก
เนื่องมาจากการไม่เอาจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไปมักละเลยในการแจ้งผู้เกี่ยวข้องให้ทำหน้าที่ จึงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่ (passive smoker)
"เนื่องในโอกาสวันที่ 31 พฤษภา คมของทุกปี ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เราจึงควรเลือกเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามเลิกสูบบุหรี่อย่างน้อยก็คนใกล้ตัวหรือตนเอง เพื่อนสนิท ผู้ร่วมงาน รวมถึงผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือที่ยังสูบบุหรี่อยู่"
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ