ในช่วงเทศกาลตรุษจีนมักจะมีเมนูอร่อยมากมายที่ถูกนำมาขึ้นโต๊ะเพื่อไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็น เป็ด ไก่ หมูสามชั้น ผัดหมี่ซั่ว ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู และ เมนูเด็ดอีกมายมาย เมื่อหลังจากไหว้เสร็จแล้วก็จะนำของไหว้มารับประทานกันในครอบครัวเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ของอร่อย ๆ เหล่านี้ หากรับประทานมากเกินพอดีโรคภัยอาจจะถามหาโดยที่ไม่รู้ตัว
พันตรีนายแพทย์ภควัต ตั้งจาตุรนต์รัศมี แพทย์ทางด้านโภชนาการ โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า อาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีนส่วนใหญ่จะเน้นเมนูพวกเนื้อสัตว์ อาหารที่ทำจากแป้ง และอาหารที่ใช้น้ำมันเยอะ เมื่อรับประทานประเภทนี้มากเกินไปจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงอายุ เมื่อรับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไปจะส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร ทำให้ย่อยยาก ท้องอืด และท้องผูก ส่วนอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม อาจกระตุ้นอาการของโรคบางชนิด เช่น โรคอ้วน โรคไต ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็ง
“การรับประทานอาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีนควรรับประทานอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม เริ่มจากเนื้อสัตว์ควรบริโภคในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย เช่น ปลานึ่ง ไก่ต้ม หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่ติดมัน เช่น หมูสามชั้น หนังสัตว์ และหากต้องนำอาหารที่เหลือจากการไหว้ไปประกอบอาหาร ควรเลี่ยงวิธีการทอดหรือการใช้น้ำมันมาก ๆ ให้ใช้วิธีการนึ่ง ต้ม หรือผัดด้วยน้ำแทนจะดีกว่า หรือเลือกใช้น้ำมันที่ดีสุขภาพ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า ส่วนขนมไหว้ต่างๆ เช่น ขนมถ้วยฟู ขนมเข่ง ขนมเทียน ควรรับประทานให้น้อยเพราะมีแป้ง ไขมัน และน้ำตาลในปริมาณที่ค่อนข้างมาก” พันตรีนายแพทย์ภควัต แนะนำ
นอกจากนี้เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการท้องผูก ควรเพิ่มสัดส่วนการรับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มากขึ้น เนื่องจากมีวิตามิน เกลือแร่ มีกากใยอาหารสูง และอาหารที่เหลือควรรีบบริโภคอาหารให้หมดในคราวเดียว เพราะคุณค่าทางโภชนาการจะลดลงเมื่อแช่ตู้เย็นไว้นาน และอาจจะเสี่ยงต่อการท้องร่วงได้เมื่อนำมารับประทานอีกครั้ง
แม้ว่าอาหารในช่วงตรุษจีนหลายชนิดจะมีความอร่อย แต่หากรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็อาจให้โทษต่อร่างกาย การเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้