จากเด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่มีคุณป้าเป็นคนชอบการทำอาหาร ขนมหวาน คุณแม่ชอบดูรายการทำอาหาร คุณพ่อชอบทานอาหาร จนเกิดแพสชั่นด้านอาหารตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ จุดเริ่มต้นของการอยากประกอบอาชีพเชฟ ที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวมาโดยตลอด และมุ่งมั่นจริงจังกับการฝึกฝนการทำอาหารแบบมืออาชีพ

“คุณป้าผมชอบทำอาหารมาก เมื่อท่านเสียไป ผมอยากทำอาหาร ไม่ใช่เรื่องของตัวตายตัวแทนนะ แต่มันเป็นการเชื่อมโยง connect จากรุ่นสู่รุ่นมากกว่า”

จากเส้นทางที่วางไว้ ทำให้มีโอกาสทำอาหารตั้งแต่เด็ก คิดสูตรเอง ลองทำหลายเมนู รวมทั้งไปศึกษา เรียนรู้เพิ่มเติม จนก้าวสู่ประสบการณ์จริงของการฝึกเป็น “เชฟ” อยู่ที่ ร้านฮาโอม่า (HAOMA FINE DINING) ร้านอาหารอินเดียสไตล์ฟิวชั่น ทั้งที่อายุเพียง 12 ปี จนมาถึง การเป็นเชฟฝึดหัดที่ร้าน ‘TAAHRA (ธารา)’ ร้านอาหารไทย ไฟน์ไดนิ่ง

เปลมบอกว่า “ผมโชคดีที่หาเจอว่า ตัวเองชอบทำอาหารตั้งแต่เด็ก”

โดยส่วนตัว เชฟเปลม ชอบทำอาหารยุโรป โดยเฉพาะอาหารฝรั่งเศสและอิตาลี เพราะชอบเทคนิคการทำอาหารของฝรั่งเศส รู้สึกว่า เป็นอาหารที่ใช้เครื่องปรุงน้อยแค่เกลือ พริกไทย และวัตถุดิบคุณภาพสูง พร้อมเทคนิคการทำอาหารเฉพาะ ในขณะที่อาหารไทยจะใช้เครื่องปรุงมากมาย ถ้าให้เลือกระหว่างอาหารคาวและหวาน ผมชอบการทำอาหารคาวมากกว่า แต่ก็มีการฝึกทำอาหารหวานบ้าง  เพราะพ่อกับแม่ ชอบทานอาหารหวาน

“ผมอยากเป็นเชฟ เพราะชอบทำอาหาร แต่อีกอย่าง คือ เวลาที่เห็นคนทานอาหารจากการปรุงของเราก็จะรู้ดีใจมาก ผมอยากเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านการทำอาหาร”

ในอนาคตอยากเปิดร้านอาหารของตัวเอง เป็นร้านลักษณะไฟน์ไดนิ่ง เพราะรู้สึกว่า ร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง ไม่ใช่แค่การกินอาหารเพื่ออิ่มเท่านั้น แต่อาหารคือ ศิลปะ เชฟเป็นผู้เล่าเรื่องผ่านอาหาร ในขณะที่ลูกค้า สามารถเสพงานศิลป์จาการดูสิ่งที่รังสรรค์บนจานอาหาร  ได้กลิ่นอาหาร อิ่มท้องจากการทานอาหาร เมื่อกินเสร็จก็อิ่มใจ

ทุกคนสามารถพบกับ อาหารไทยที่ใช้วิธีปรุงแบบฝรั่งเศส ชูการย่างโปรตีนทั้งหมดด้วยถ่านบินโจตันคู่กัน ได้รสชาติอาหารไทย ทั้งรสเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด บนจานหน้าตาอาหารที่สวย ทันสมัย เหมือนการรังสรรค์ศิลปะกับ เชฟเปลม ได้ที่  Taahra เจริญกรุง