โลกเปลี่ยน เราจึงต้องเปลี่ยนตัวเองให้ทันตามโลก สู่ยุควิถีชีวิตใหม่ที่ต้อง Work from Everywhere ติดต่อผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานขึ้น ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และแก็ตเจ็ตต่างๆ
จากข้อมูลผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี 2565 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สพธอ. เผยว่า คนไทยใช้เวลาในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 4 นาทีต่อวัน โดยกิจกรรมออนไลน์ยอดฮิตของคนไทย ได้แก่ การขอรับคำปรึกษาและรับบริการทางการแพทย์ทางออนไลน์ (86.16%) การติดต่อสื่อสาร (65.70%) ดูรายการโทรทัศน์/ดูหนัง/ดูคลิป/ฟังเพลง (41.51%) ดูถ่ายทอดสดเพื่อซื้อสินค้าและบริการ (34.10%) ทำธุรกรรมทางการเงิน (31.29%) อ่านโพสต์/ข่าว/บทความ/หนังสือออนไลน์ (29.51%) รับ-ส่งอีเมล (26.62%) ชอปปิงออนไลน์ (24.55%) ทำงาน/ประชุมออนไลน์ (20.67%) และเล่นเกมออนไลน์ (18.75%)
การดูแลสุขภาพตาจึงเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่อย่างเราต้องเข้าใจและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะการพักผ่อนและถนอมสายตาไปพร้อมๆ กัน เพื่อเลี่ยงแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่มาจากหน้าจอต่างๆ และรังสียูวีจากแสงแดด ที่ก่อให้เกิดอันตรายและความเสียหายต่อดวงตา อาจนำไปสู่สารพัดโรคทางตาได้ เช่น โรควุ้นในตาเสื่อม โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก โรคต้อหิน เป็นต้น หรืออาจทำให้เกิดอาการตาสู้แสงได้ไม่ดี มองเห็นไม่ชัด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของแสงอย่างรวดเร็ว เกิดอาการตาพร่ามัว ตาเบลอ มองเห็นภาพไม่คมชัดหรือโฟกัสภาพไม่ดี เมื่อมีการมองวัตถุระยะใกล้สลับไกล รวมถึงตาแห้ง ระคายเคืองตา แสบตา เป็นต้น
สถาบันสุขภาพนิวทริไลท์จากแอมเวย์ แนะนำ 5 วิธีถนอมสายตาเพื่อให้ดวงตาของเราแข็งแรง ปลอดภัย ห่างไกลจากอาการเมื่อยล้าและพร้อมสร้าง Productivity ให้ชีวิตเราสดใสกว่าที่เคย
1. หมั่นพักสายตาเป็นระยะๆ
หากเรามีอาการตาเมื่อยล้า ตามัว หรือตาแห้ง จากการจ้องหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เราควรหมั่นกะพริบตาหรือพักสายตาทุกๆ 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาที โดยให้มองออกไปไกลประมาณ 20 ฟุต หลีกเลี่ยงการใช้สายตาติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมงหรือนั่งแช่หน้าจอตลอดทั้งวัน รวมไปถึงควรปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตาและมีระยะห่างที่พอดี
2. ปกป้องดวงตาด้วยการสวมแว่นกันแดด
รังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำร้ายดวงตาและเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคทางดวงตาได้ เราควรสวมแว่นตากันแดดที่มีเลนส์กรองแสงยูวีเอ (UV-A) และยูวีบี (UV-B) ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 99-100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อป้องกันการเผชิญแสงแดดโดยตรง อีกทั้งยังช่วยป้องกันลมที่พัดเอาสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองเข้ามาทำร้ายหรือสร้างการระคายเคืองแก่ดวงตาของเรา
3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา
การเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าและมีประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะสารอาหารที่ช่วยสร้างการมองเห็นที่ชัดเจนสดใสอีกทั้ง ช่วยชะลอหรือลดการเกิดโรคทางสายตา เช่น ลูทีนและซีแซนทีน จากงานวิจัยพบว่า การรับประทานลูทีนและซีแซนทีนในอัตราส่วน 5:1 สามารถเพิ่มความหนาแน่นของสารสี (Pigment) บริเวณจุดภาพชัด (Macula) ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นและช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ทำให้สบายตาเวลาที่จ้องหน้าจอนานมากเกินไป
ไลโคปีน จะสะสมอยู่ที่ด้านหน้าของดวงตาในซิลิอารีบอดี้ (Ciliary Body) ซึ่งมีหน้าที่ปรับความโค้งของเลนส์และสร้างสารน้ำตาในลูกตา ช่วยลดอาการตาล้าจากการใช้หน้าจอเป็นเวลานาน และช่วยให้ตาสามารถปรับโฟกัสภาพในระยะต่างๆ ได้ดีขึ้น
เบต้าแคโรทีน สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นวิตามินเอในร่างกายได้ ซึ่งวิตามินเอจะเข้าไปช่วยบำรุงจอประสาทตา เพิ่มการมองเห็นในที่ที่มีแสงสว่างน้อยและช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของแสงอย่างกะทันหันได้ดี
สังกะสี เป็นแร่ธาตุสำคัญที่สนับสนุนการทำงานของตัวรับแสงที่อยู่ในจอประสาทตา ทำให้สามารถมองเห็นภาพได้คมชัด
4. เลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุราหรือของมึนเมา
หลีกเลี่ยงการสูบบุรี่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพโดยรวมและดวงตา อาทิ โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก อาจทำลายเส้นประสาทตาจนทำให้ตาบอดได้ในอนาคต รวมถึงควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ให้อยู่ในระดับที่พอดีในแต่ละวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางตาและปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ซึ่งแนะนำให้งดในบางวันหรือลดการสูบบุหรี่และดื่มสุราเพื่อสุขภาพที่ดีของเรา
5. ออกกำลังกายและตรวจเช็คสุขภาพอย่างเป็นประจำ
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะบางโรคอาจมีผลต่อระบบการมองเห็นหรือปัญหาสายตาในอนาคต เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน เป็นต้น อย่าลืมพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาและร่างกายโดยรวมเป็นประจำทุกปี
อย่าลืมนำ 5 วิธีถนอมสายตาดูแลควบคู่ไปกับการทานอาหารและเสริมวิตามินที่มีประโยชน์และมีส่วนช่วยดูแลดวงตาของเรา เพื่อเสริมสร้างการมองเห็นและรักษาสุขภาพดวงตาให้แข็งแรงยาวนาน