Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
เช็กเกรดรัก 4 ระดับ วัด สมรรถภาพเพศชาย
เช็กเกรดรัก 4 ระดับ วัด สมรรถภาพเพศชาย
วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรืออีดี (Erectile Dysfunction) คืออาการที่อวัยวะเพศชาย ไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างสุขสม
ปัจจุบัน อีดีไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ชายสูงอายุอย่างที่เข้าใจกันเท่านั้น แต่ยังเกิดกับผู้ชายอายุน้อย โดยเฉพาะในกลุ่ม ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน โดยมีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่า ในอนาคตผู้ชาย ทั่วโลกจะมีปัญหาอีดีเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ภญ.ยุวดี กิตติปัญญางาม ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในโอกาสที่บริษัทได้แนะนำนวัตกรรมการรักษาอาการอีดีออก สู่ตลาดโลกครบ 15 ปี บริษัทจึงได้เชิญ ศ.นพ.จอห์น มัลฮอลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอีดีชั้นนำของโลกมาให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุ และแนวทางในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชายหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกายและคุณภาพชีวิตรักกันมากขึ้น
ศ.นพ.มัลฮอลล์ กล่าวว่า อาการอีดี เกิดจากปัจจัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่โรคทางร่างกายถึงร้อยละ 80 ส่งผลให้เกิดอาการอีดี โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด เนื่องจากเส้นเลือดส่วนที่มาเลี้ยง อวัยวะเพศชายนั้นมีขนาดที่เล็กมาก
ดังนั้นหากร่างกายมีภาวะระบบหลอด เลือดผิดปกติ เส้นเลือดในส่วนดังกล่าวจะเกิดอาการตีบตัน เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงและขยายตัวได้ ซึ่งแสดงออกให้เห็นในลักษณะของการที่องคชาติไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเต็มที่ ผู้ที่มีอาการ อีดีจึงไม่ควรละเลย ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและทำการรักษาตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม
เนื่องจากอีดีเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็น โรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูงและไขมันในเส้นเลือดสูง
เรื่องของ "ความแข็งแกร่ง" หรือสมรรถภาพบนเตียงของผู้ชายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะนำพาให้ชีวิตรักสุขสม โดยเป็นการแสดงออกถึงความรักด้วยภาษากาย ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าความแข็งแกร่งดังกล่าวอยู่ในระดับที่ไม่ น่าพึงพอใจ ก็จะส่งผลให้ผู้ชายสูญเสียความมั่นใจในตัวเองและพลอยทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาตามไปด้วย
"ปัญหาความแข็งแกร่งดังกล่าวมิได้ สั่นคลอนแค่ขาเตียงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงโรคร้ายที่จะตามมาอีกด้วย" ศ.นพ.มัลฮอลล์ กล่าว
ผู้ชายสามารถสังเกตอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ด้วยตนเองโดยการ "ประเมินค่าความแข็งตัวของอวัยวะเพศ" (Erection Hardness Score หรือ EHS) ที่เทียบให้เข้าใจง่ายๆ เป็น "ระดับเกรดรัก 1-4" (EHS1-4)
โดยสามารถใช้ระดับเกรดรักดังกล่าวอธิบายอาการอีดีให้แพทย์รับทราบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถช่วยให้ทราบว่าหลังจากรับการรักษาแล้วมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเพียงใด โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ในระดับเกรด 4 ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุด
ระดับการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 เกรด ดังนี้
+ เกรด 1 (EHS 1) คือ การที่อวัยวะเพศตื่นตัว ขยายขนาดพองขึ้นแต่ไม่แข็ง อาการอีดีระดับรุนแรง {lt}br{gt} + เกรด 2 (EHS 2) คือ อวัยวะเพศแข็งตัวแต่ไม่เพียงพอที่จะสอดใส่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ อีดีระดับกลาง {lt}br{gt} + เกรด 3 (EHS 3) คือ การที่อวัยวะเพศแข็งตัวไม่เต็มที่ แต่เพียงพอที่จะสอดใส่ได้ อาการอีดีระดับต้น {lt}br{gt} + เกรด 4 (EHS 4) คือ การที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ ทำให้สามารถร่วม รักได้อย่างมีความสุขทั้งสองฝ่าย และเป็น เป้าหมายของการรักษาอาการอีดี (ปลอด จากอาการอีดี)
ศ.นพ. สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ กล่าว ว่า เรื่องความแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นสิ่งที่คนไข้ให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะความแข็งตัวนั้นสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพทั่วไป ชีวิตคู่และความพึง พอใจในการร่วมรัก
ในด้านของการรักษา แนะนำว่าให้เริ่มจากการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตก่อน โดยเฉพาะคนในเมืองที่มีความเครียด สั่งสม ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
สำหรับการรักษาอาการหย่อนสมรรถ- ภาพทางเพศในปัจจุบัน "ยาเม็ดชนิดรับประทาน" ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง จากทั้งแพทย์และคนไข้ แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรรับประทานร่วมกับกลุ่มยาไนเตรต ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในกลุ่มคนไข้หัวใจขาดเลือด
"นอกจากนี้ การทานยาขณะท้องว่าง จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุด และไม่ควรทานร่วมกับอาหารที่มีไขมันมาก เพราะไขมันจะไปขัดขวางการดูดซึม"
การซื้อยามารับประทานเองโดยไม่มี ใบสั่งแพทย์เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการซื้อยาทางอินเตอร์เน็ตเพราะคนไข้มักจะประสบกับ "ปัญหายาปลอม" ทำให้การรักษาไม่ได้ผล เสียเงิน เสียเวลาและอันตรายต่อสุขภาพ
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ