Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
วิวัฒนาการใหม่...ช่วยคนรุ่นใหม่ "ไร้ปวด"
วิวัฒนาการใหม่...ช่วยคนรุ่นใหม่ "ไร้ปวด"
วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
"อาการปวด" ตามเนื้อตัวของมนุษย์ในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่เกิดมาจากความวุ่นวายระหว่างวัน ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ และภาวะตึงเครียดจากการทำงานทำให้ปัจจุบันคนในเมืองใหญ่ไม่ว่าจะในกลุ่มวัยรุ่น หรือคนวัยทำงานจำนวนมากต้องป่วยเป็น "โรคออฟฟิศซินโดรม" หรืออาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
โดยส่วนมากเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อหนักเกินไปทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อแล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาหรือป้องกันอย่างตรงจุด เมื่อต้องใช้กล้ามเนื้อต่อเนื่องไปนานๆ โดยที่กล้ามเนื้อหดตัวแล้วไม่ได้พักให้กล้ามเนื้อยืดตัว ยิ่งใช้งานต่อกล้ามเนื้อก็ยิ่งหดเข้าหากันเรื่อยๆ จนเกิดเป็นก้อนเนื้อแข็งและอักเสบอยู่ลึกลงไปในกล้ามเนื้อชั้นในเรียกว่า "ทริกเกอร์ พอยท์" เป็นผลมาจากการที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่ได้ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการปวด เมื่อยที่รุนแรงและยาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้รูปร่างเปลี่ยน เช่น ตัวงอ คอตก หรือไหล่ไม่เท่ากัน และทำให้รู้สึกปวดศีรษะอีกด้วย และด้วยวิวัฒนาการการรักษาโรคในปัจจุบันก้าวหน้าจึงมีวิธีการและยารักษาบรรเทาความเจ็บปวดที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
เควิน ฮาร์ชอว์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันสิ่งที่คนในโลกยุคดิจิตอลโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ภาวะตึงเครียดจากการทำงาน ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง การบริโภคที่ไม่เหมาะสม พักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้คนไทยจำนวนมากป่วยเป็นโรคที่ทำให้เกิดความปวดได้ง่ายขึ้น เช่น โรคออฟฟิศซินโดรม ปวดศีรษะบ่อยหรือเป็นไมเกรน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเป็นที่มาของโรคปวดเรื้อรังประเภทต่างๆ ซึ่งหากปล่อยเอาไว้ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพการทำงาน และ บั่นทอนคุณภาพชีวิตในระยะยาว แต่ด้วยวิวัฒนาการการรักษาโรคปวดจากสาเหตุต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วขึ้นทำให้เราไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความปวด สำหรับเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาชั้นแนวหน้าของโลกตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ของคนในยุคปัจจุบัน เราจึงเชื่อว่าการดูแลตนเอง และการเลือกใช้ยาที่สามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้อย่างเร็วที่สุด
"ตัวยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นยาที่ค้นพบมานานกว่า 50 ปี และเป็นหนึ่งในตัวยากลุ่มยาแก้ปวดที่ขายดีในแถบทวีปยุโรป (top over-the-counter painkillers) มีทั้งรูปแบบเม็ด แบบน้ำ และเจล ด้วยคุณสมบัติการออกฤทธิ์ยับยั้งการผลิตสารเคมีพสอสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดและการอักเสบโดยตรง ไอบูโพรเฟนจึงสามารถใช้บรรเทาอาการปวดได้อย่างหลากหลาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อ ปวดฟัน รวมทั้งลดไข้ และลดบวมจากการอักเสบ โดยออกฤทธิ์ยาวนานถึง 6-8 ชั่วโมง (นานกว่าพาราเซตามอล 2 ชั่วโมง)"
นอกจากนั้น จากการศึกษาทางคลินิก พบว่า ตัวยาไอบูโพรเฟน มีประสิทธิภาพในการบรรเทาปวดแรงกว่าพาราเซตามอล โดยเฉพาะการปวดเฉียบพลัน และการปวดไมเกรน โดยตัวยาทั้ง 2 นี้มีผลข้างเคียงไม่ต่างกัน ในกลุ่มผู้ป่วย 2,815 ราย พบว่ากลุ่มที่ใช้ตัวยาไอบูโพรเฟน มีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารเพียง 3.6% ในขณะที่กลุ่มที่ใช้พาราเซตามอลเกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารถึง 4.3%2 และอีกการศึกษาหนึ่งเปรียบเทียบกับยาแก้ปวด แก้อักเสบในกลุ่ม NSAIDs; Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs พบว่าไอบูโพรเฟน มีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารน้อยที่สุดในกลุ่ม และไม่ต่างจากยาหลอก ซึ่งนูโรเฟนเจล มีตัวยาไอบูโพรเฟน ใช้บรรเทาอาการปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็นและข้อ มีคุณสมบัติเด่นคือ ไม่มีกลิ่น แห้งเร็ว ไม่เหนียวเปื้อนเสื้อผ้า จึงเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วิศาล คันธารัตนกุล หัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คนในยุคปัจจุบัน มีความเสี่ยงต่อโรคปวดได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่มักจะอยู่ในท่าทำงานท่าเดียวซ้ำๆ หรือเกิดจากการใช้ร่างกายในระหว่างการทำงานในท่าผิดนานๆ และสะสม การไม่รู้จักดูแลตัวเองจนบางครั้งปล่อยให้เกิดความปวดเรื้อรัง และท้ายที่สุดก็จะรบกวนคุณภาพชีวิต เกิดอาการนอนไม่หลับ และผลที่ตามมาคือการเข้าใจผิดคิดว่าป่วยเป็นโรคอื่น หากมีอาการปวดเกิดขึ้นจึงต้องรีบตัดวงจรความปวดให้เร็วที่สุด โดยเริ่มจากการหาปัจจัยเสี่ยงต่อความปวด เช่น ความปวดที่อาจเกิดจากโครงสร้างของร่างกายเราเอง หรือการทำงาน อย่าอยู่ท่าเดียวนานๆ ต้องรู้จักยืดเหยียดกล้ามเนื้อในระหว่างวันเป็นอีกวิธีที่ช่วยผ่อนคลายให้กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหว หรือเส้นเอ็นได้ยืดตัว เช่น การยืดกล้ามเนื้อคอเอียงซ้าย ขวา ก้มและเงยหน้า รู้จักหันมาออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อโดยมีเทคนิคง่ายๆ คือให้พอรู้สึกเหนื่อย หรือเมื่อยนิดๆ การปรับไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันเพื่อลดความเสี่ยงจากความปวด เช่น ในทุกๆ วันของการทำงาน ต้องรู้จักพักการทำงาน 2-3 นาที ทำให้ร่างกายได้ขยับหลังจากทำงานท่าซ้ำๆ ใน 1-2 ชั่วโมง และท้ายสุด ปรับเวิร์ก สเปซ (Work Space) ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม นั่งให้เต็มเก้าอี้ ที่สำคัญหากมีอาการปวดอย่าปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษาให้ถูกวิธีอาจทำให้เป็นโรคปวดเรื้อรังได้
"สำหรับคนทำงานที่ต้องนั่งหรือทำท่าเดิมเป็นเวลานาน สามารถทำท่ากายบริหารง่ายๆ ในระหว่างการทำงานได้ ซึ่งถือเป็นการนวดและเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ด้วยตัวเอง และถ้าหากคุณเริ่มมีอาการปวดให้รีบดูแลตัวเอง ก่อนอาการปวดจะมาก จนบั่นทอนคุณภาพชีวิตจนถึงขั้นที่ทำให้นอนไม่หลับได้ โดยเมื่อเกิดอาการปวดในขั้นแรก วันแรกให้ประคบเย็นแล้วทายาแก้ปวดโดยการนวดเบาๆ หลังจากนั้นให้ประคบร้อนช่วยอาการก็จะหายภายใน 2-3 วัน" น.พ.วิศาล กล่าวสรุป
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ