Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกรอดพ้นมะเร็งปอด
รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกรอดพ้นมะเร็งปอด
วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
เนื่องในโอกาสวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เราจึงควรเลือกเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามเลิกสูบบุหรี่อย่างน้อยก็คนใกล้ตัวหรือตนเอง เพื่อนสนิท ผู้ร่วมงาน รวมถึงผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือที่ยังสูบบุหรี่อยู่ สำหรับบุคคลทั่วไปก็ควรทำหน้าที่แจ้งเตือนผู้สูบบุหรี่หรือผู้เกี่ยวข้องที่ทำหน้าที่ควบคุมกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคน รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประเทศชาติด้วย
โดยจากข้อมูล CDC (Centers of Disease Control and Prevention) ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2543-2547 พบว่า การสูบ บุหรี่มีผลต่ออัตราการเสียชีวิตในโรคสำคัญต่างๆ ดังนี้ 1.มะเร็งปอด 29% 2.มะเร็งชนิดอื่นๆ 8% 3.หัวใจขาดเลือด 28% 4.ถุงลมปอดโป่งพอง 21% 5.สมองขาดเลือด 4% และโรคอื่นๆ 10% และพบว่ามีสารหลายชนิดในส่วนประกอบของบุหรี่ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่ 1.สารทาร์ หรือ น้ำมันดิน เป็นส่วนประกอบสำคัญของใบยาสูบ มีลักษณะเหนียว สีน้ำตาลเข้ม เป็นสารก่อมะเร็ง โดยสารที่เรียกว่า Benzopyrene สารนี้ก่อการระคายเคืองเรื้อรังทำให้มีอาการไอ ถุงลมโป่งพอง 2.สารกัมมันตรังสี ในควันบุหรี่มีสารโพโลเนียม 210 ที่ให้รังสีแอลฟา ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรังเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอีกส่วนหนึ่ง และ 3.ยาฆ่าแมลงหรือสารตกค้างในใบยาสูบจากการพ่นสารพิษเพื่อฆ่าแมลง
น.พ.เจษฎา มณีชวขจร อายุรแพทย์มะเร็ง โรงพยาบาลราชวิถี กรรมการสมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทยและแพทย์จากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้บุหรี่จะมีไส้กรองด้านท้ายบุหรี่ก่อนสูบเข้าสู่ร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถ กรองสารพิษเหล่านี้ได้ในทางตรงกันข้ามการกรองสารเหล่านี้ให้ผ่านเข้าทางเดินหายใจด้วยขนาดเล็กลงจะทำให้เข้าสู่ถุงลมส่วนปลายได้ง่ายและเร็วขึ้น ในระยะหลังจึงพบพยาธิสภาพที่หลอดลมส่วนปลายหรือถุงลมได้มากขึ้นและมีความรุนแรงของโรคมากขึ้นไม่เหมือนหลอดลมส่วนต้น ผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนปลายหรือบริเวณถุงลมปอด มักมาพบแพทย์ช้าเนื่องจากในช่วงแรกไม่ค่อยมีอาการจนเมื่อเป็นมาก มีอาการเหนื่อยจึงมาพบแพทย์การรักษาด้วยยาเฉพาะจึงทำได้ยากเนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่แข็งแรงเพียงพอ ในสภาวะนี้ที่จะรับยาเคมีบำบัดหรือรับยาไม่เต็มที่และผลตอบสนองต่อการรักษาที่ทำให้โรคมีขนาดเล็กลงก็มีไม่ถึงครึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงคงที่หรือชะลอโรคเท่านั้น
"การป้องกันหรือเฝ้าระวังในผู้ป่วยสูบบุหรี่ แม้จะพยายามเอ็กซเรย์ปอดทุก 6-12 เดือนก็ไม่สามารถป้องกันได้เต็มที่ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น การเลี่ยงบุหรี่หรือลดความเสี่ยงน่าจะเป็นคำตอบมากกว่า โดยถ้างดสูบบุหรี่ในวันนี้จะส่งผลให้อุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งปอดลดลงเท่าคนไม่สูบบุหรี่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าและโรคมะเร็งปอดส่วนใหญ่มักเป็นในอายุ 50-60 ปี ดังนั้นท่านหรือคนใกล้ชิดท่านจึงไม่ควรรอที่จะงดสูบบุหรี่"
ทั้งนี้ สำหรับสถิติในประเทศไทย จากการสำรวจในปี 2544 พบว่า มีผู้สูบบุหรี่เป็นประจำจำนวน 10.6 ล้านคน หรือร้อยละ 20.6 ของประชากรที่มีอายุมากกว่า 11 ปี แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ มีการจำกัดอายุผู้ซื้อบุหรี่ มีการปกปิดเลี่ยงการโฆษณาสินค้าบุหรี่ทั้งในจุดจำหน่ายและผ่านสื่อ รวมถึงการแสดงคำเตือนหน้าซองบุหรี่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ลดปริมาณได้มากนัก เนื่องมาจากการไม่เอาจริงจังในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนทั่วไปมักละเลยในการแจ้งผู้เกี่ยวข้องให้ทำหน้าที่จึงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่
"เมื่อเกิดผลกระทบจากพิษภัยบุหรี่ ท่านที่มีคนใกล้ชิดเป็นโรคเหล่านี้ ได้แก่ มะเร็งปอด, ถุงลมโป่งพอง, หัวใจขาดเลือด เป็นต้น คงทราบดีว่าต้องมีภาระที่จะต้องดูแลผู้ป่วยเหล่านี้มากเพียงใด รวมทั้งมีภาระค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะในโรคมะเร็งที่รักษาไม่หายขาด ได้แต่บรรเทาอาการ ถ้าผู้ป่วยเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญเป็นเสาหลักของครอบครัวก็เท่ากับทำให้ครอบครัวเหล่านั้นเดือดร้อนและเป็นภาระต่อสังคมรวมถึงประเทศชาติ"
น.พ.เจษฎา จึงได้บอกทิ้งท้ายว่า ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐน่าจะทำให้บุหรี่ซื้อหาได้ยากขึ้นหรือจัดอยู่หมวดสินค้าควบคุมที่อาจเสพติดได้เช่นยานอนหลับ ซึ่งไม่อาจซื้อได้ในสถานที่ทั่วไป รวมทั้งเข้มงวดกวดขันการจำหน่ายบุหรี่ ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายซึ่งเรามักพบในตลาดทั่วไปหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ต่างประเทศหรือบุหรี่ในประเทศที่ขายทั้งใบยาและเครื่องมวนบุหรี่เอง นอกจากนี้ ยังควรส่งเสริมการเลิกบุหรี่โดยตั้งเป็นศูนย์บำบัดเช่นเดียวกับยาเสพติดโดยใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 50% จากภาษีบุหรี่ที่ได้รับมาดีกว่านำเงินนี้ไปใช้ในวัตถุประสงค์ อื่นๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณโดยรวมของประเทศและได้กำลังสำคัญของชาติกลับคืนมาอีกด้วย
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ