10 โรคแทรกซ้อน...ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง (จบ)

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 โรคแทรกซ้อน...ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง (จบ)


(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
6. โรคความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ : มี 2 กลุ่มคือ ผู้หญิงบางคนเป็นความดันโลหิตสูงตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ กับผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งตอนไม่ตั้งครรภ์ความดันไม่สูง แต่เมื่อตั้งครรภ์แล้วความดันกลับสูงได้ กลุ่มหลังเราจะเรียกว่าความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ ซึ่งพบได้บ่อย โดยคุณแม่จะมีอาการบวม ตรวจปัสสาวะเจอไข่ขาวหรือโปรตีนในปัสสาวะ ถ้าอาการรุนแรงและรักษาได้ไม่ดีก็จะชัก อาจมีเส้นเลือดในสมองแตก เสียชีวิตได้ สมัยก่อนเรียกโรคนี้ว่าครรภ์เป็นพิษ ส่วนลูกในครรภ์ ถ้าคุณแม่มีอาการรุนแรงมาก เด็กมักจะตายในท้อง ถ้ามีอาการนาน จะมีผลกับการเจริญเติบโตได้ปกติ ไม่มีความพิการใดๆ สาเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จะพบบ่อยๆ ในคุณแม่บางกลุ่ม เช่น คุณแม่ท้องที่อายุน้อยๆ หรืออายุมากๆ กลุ่มนี้มีปัญหาทั้งคู่ แต่ในคนวัยธรรมดา เช่น 20 กว่าๆ ถึง 30 ปี เจอน้อย และมักเจอในท้องแรก ท้องหลังไม่ค่อยเจอค่ะ เจอได้บ่อยในครรภ์ คนเป็นเบาหวานหรือมีประวัติในครอบครัว เช่นแม่เคยเป็นโรคนี้ขณะตั้งครรภ์ จึงสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับกรรมพันธุ์ หรือเกี่ยวกับอาหารการกิน หรืออาจจะเกี่ยวกับฮอร์โมนที่สร้างจากรกหรือจากตัวเด็กที่ทำให้ความดันขึ้นเพราะสังเกตว่าเมื่อมีการคลอดเสร็จแล้วส่วนใหญ่แม่ก็จะหายเป็นปกติ
การรักษา ในรายที่เป็นรุนแรงอาจต้องยุติการตั้งครรภ์ แต่เจอได้น้อย ส่วนมากจะรักษาได้ คุณหมอจะมียาป้องกันการชัก ยาลดความดัน เพื่อประคับประคองให้เด็กโตพอ แล้วก็ผ่าตัดคลอด หรือให้ยาเร่งคลอดได้ ที่ควบคุมไม่ได้มีน้อยและสาเหตุที่ควบคุมไม่ได้ส่วนมากมักเกิดจากมาหาหมอตอนที่อาการเป็นมากแล้ว เช่น คุณแม่ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็น ไม่มาฝากครรภ์เลยหรือมาฝากช้า หรือมาถึงมือหมอก็ชักมาเสียแล้ว การป้องกัน ควรจะตั้งครรภ์ในอายุที่เหมาะสม รีบไปฝากครรภ์ หมอจะได้เจอตั้งแต่แรก และให้การรักษาได้ทันท่วงที
7.โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ : มีคุณแม่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มหนึ่งเป็นเบาหวานอยู่แล้วก่อนท้อง กับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งท้องแล้วจึงเป็นเบาหวาน กลุ่มหลังนี้การตั้งครรภ์จะไปกระตุ้นให้เป็นโรคนี้ เชื่อว่าเด็กและรกที่อยู่ในมดลูกสามารถสร้างฮอร์โมนหรือสารเคมีไปยับยั้งการทำงานของอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมน้ำตาลในเลือด ทำให้คุณแม่เป็นเบาหวาน ซึ่งคุณแม่ที่คุมน้ำตาลได้ไม่ดีอาจชักหรือช็อก อาจแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้ สาเหตุ ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่มักพบในคุณแม่ท้องแรก อายุมากๆ หรืออ้วนมากๆ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน หรือว่าตัวคุณแม่เองมีโรคอื่น เช่น ความดันโลหิตสูงซึ่งเราเรียกคุณแม่กลุ่มนี้ว่ากลุ่มเสี่ยง การรักษา ถ้าตรวจพบต้องรีบรักษา คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลตนเอง เช่น คุมอาหาร ถ้าคุมอาหารแล้วเอาไม่อยู่ อาจต้องฉีดอินซูลินช่วยระหว่างที่ท้องก็ต้องคอยตรวจระดับน้ำตาลคุณแม่อย่างสม่ำเนมอ และต้องคอยเช็กว่ามีปัญหาแทรกซ้อนอื่นหรือไม่ทั้งในตัวแม่และตัวลูก การป้องกัน ในกลุ่มเสี่ยงก็ต้องรีบไปฝากครรภ์ถ้าตรวจเจอจะได้รักษาและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง
8.การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ : สาเหตุ เมื่อตั้งครรภ์ มดลูกจะขยายตัวไปดันกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะได้ไม่ดีมีการคั่งค้างนาน เกิดการติดเชื้อได้ง่าย การรักษา คุณหมอนำปัสสาวะไปเพาะเชื้อ ว่าติดเชื้ออะไร แล้วให้ยาฆ่าเชื้อ โดยเป็นยาที่ไม่มีผลต่อลูกในครรภ์ การป้องกัน อย่ากลั้นปัสสาวะบ่อยๆ ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้มีการขับปัสสาวะได้ดี ไม่มีการคั่งค้าง เป็นการชำระล้างทำความสะอาดระบบทางเดินปัสสาวะ
9.โรคโลหิตจาง : สาเหตุ ที่พบบ่อยๆ ในบ้านเรามี 2 ชนิด คือโรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก กับโรคเลือดจางจากโรคเลือดธาลัสซีเมีย การรักษา โรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก แก้ไขได้ไม่ยาก โดยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมากๆ เช่น ตับบด ผักใบเขียว หรือรับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็ก ส่วนโรคโลหิตจางจากโรคเลือดธาลัสซีเมียเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ ถ้าลูกในท้องเป็นโรคนี้และมีอาการมากก็อาจจะทำให้ลูกตายในท้อง หรือลูกบวมน้ำในท้องได้ การป้องกัน ก่อนตั้งครรภ์ควรตรวจร่างกายว่าโลหิตจางหรือไม่ ถ้าเป็นจากการขาดธาตุเหล็ก ควรรับประทานอาหารเสริมให้เป็นปกติก่อนตั้งครรภ์ ส่วนโรคโลหิตจางโรคเลือดธาลัสซีเมีย สามารถตรวจคัดกรองว่าลูกจะเสี่ยงไหม โดยตรวจเลือดของคุณพ่อคุณแม่
10.ไทรอยด์เป็นพิเศษ : ต่อมไทรอยด์ ทำหน้าที่สร้างสารไทรอกซิรน ซึ่งกระตุ้นให้ร่างกายทำงาน ร่างกายอบอุ่นทำให้กระฉับกระเฉง แต่ถ้าต่อมนี้ผลิตสารออกมามากกว่าปกติ ทำให้มือสั่นใจสั่น ร่างกายสูญเสียพลังงานมาก เหงื่อออกมาก หงุดหงิด ก่อนท้องอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ การตั้งครรภ์ไม่ได้กระตุ้นให้เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ คุณแม่ที่เป็นโรคนี้แล้วรักษาไม่ดีจะทำให้ลูกเกิดปัญหาตัวเล็ก ไม่แข็งแรง คนที่เป็นรุนแรงอาจทำให้แท้งหรือบางคนอาจช็อกเป็นอันตรายได้ การรักษา คุณหมอจะให้ยาที่ไปกดการทำงานของไทรอกซิน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปกติการตั้งครรภ์ก็จะดำเนินไปตามปกติ โดยยาที่ให้ไม่มีผลกับเด็กในครรภ์ การป้องกัน เนื่องจากโรคนี้ยังไม่รู้สาเหตุ ดังนั้นเวลาตั้งครรภ์ต้องรีบไปฝากครรภ์ เพื่อที่คุณหมอจะได้ให้ยาควบคุมอาการได้โดยไม่ทำให้การตั้งครรภ์มีปัญหา
ดังนั้น คำตอบสุดท้ายซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ วางแผนก่อนตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ที่มีการวางแผน และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ จะทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาต่างๆ ได้น้อยมาก
ที่มา : คลินิกรัก



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ