เยือนเมืองโบราณศรีเทพ แล้วไปตระเวนเช็คอิน วิถีถิ่น วิถีฟินฉบับเพชรบูรณ์

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เยือนเมืองโบราณศรีเทพ แล้วไปตระเวนเช็คอิน วิถีถิ่น วิถีฟินฉบับเพชรบูรณ์


จังหวัดเพชรบูรณ์กลายเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ในวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ต่างปักหมุดมาที่เมืองโบราณศรีเทพ เพื่อยลโฉมความงดงามของอดีตที่ยังทรงคุณค่ามาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อมาเยือนจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว นอกจากการชิมและช้อปมะขามหวานกลับบ้าน ก็ต้องไว้แวะไปฟิน ไปเช็คอินในอีกหลายจุดท่องเที่ยว

โดยในทริปนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำโดย “สุรีพร พงษ์พานิช” ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง นำคณะสื่อมวลชนเดินทางสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสัมผัสความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

เมืองโบราณศรีเทพ

ตั้งแต่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ก็มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เพราะนี่คือมรดกโลกแห่งที่ 7 ของเมืองไทย

เมืองโบราณศรีเทพ ตั้งอยู่ที่ ต.ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เป็นเมืองที่มีคูเมืองกำแพงเมืองล้อมรอบ อยู่ในพื้นที่กว่า 2,889 ไร่ ประกอบด้วยสระน้ำโบราณหลากหลายขนาดอีกกว่า 70 แห่ง ทั่วทุกบริเวณเต็มไปด้วยความร่มรื่น เหมาะกับการเดินเล่น หรือจะเลือกใช้บริการรถรางของทางอุทยานฯก็ได้

เมื่อเข้ามาแล้วจะได้ศึกษาเรียนรู้ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายไปจนถึงวัฒนธรรมเขมรโบราณ (พุทธศตวรรษที่ 8-18) สะท้อนอารยธรรมอินเดีย ขอม และทวารวดี

สถานที่สำคัญภายในเมืองโบราณศรีเทพ ประกอบด้วย โบราณสถานเขาคลังใน โบราณสถานปรางค์ศรีเทพ และโบราณสถานปรางค์สองพี่น้อง

นอกจากนั้นยังมีหลุมขุดค้นที่แสดงให้เห็นถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น โครงกระดูก ข้าวของเครื่องใช้ และสุนัขที่ได้รับการฝังพร้อมกับศพของมนุษย์ เป็นต้น

ส่วนภายนอกเมือง มีโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ เขาคลังนอก เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สวยงามและทรงคุณค่า ปัจจุบันนักมีกิมมิคน่ารัก ๆ นั่นคือไอศกรีมลวดลายปูนปั้นโบราณที่พบในเมืองศรีเทพ เป็นอีกสีสันที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น

น้ำตกธารทิพย์

เดือนตุลาคม เป็นช่วงปลายฝนที่เหมาะอย่างยิ่งในการเที่ยวชม “น้ำตกธารทิพย์” ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ สามารถขับรถเข้าไป และใช้ระยะทางเดินเท้าต่ออีกประมาณ 400 เมตร ระหว่างทางจะผ่านสายธารที่ไหลมาจากตัวน้ำตก พบเห็นนักท่องเที่ยวแวะเล่นน้ำอยู่เป็นระยะ ๆ

ช่วงต้น ๆ ของการเดินเข้าสู่ตัวน้ำตกจะเจอกับสะพานแขวนเด่นตระหง่าน เสียดายว่าช่วงที่ไปอยู่ในระหว่างการปิดปรับปรุง

เมื่อเดินไปสุดทางก็จะพบความตระหง่านของหินผาท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ตัวน้ำตกมีความสูงราว 26 เมตร กว้างประมาณ 30 เมตร

เป็นน้ำตกที่ไปชื่นชมได้ง่าย และทราบมาว่าจะมีน้ำไหลตลอดปี แต่อย่างไรก็ตาม การเที่ยวชมน้ำตกธารทิพย์ ควรเช็คสภาพอากาศและความพร้อมของสถานที่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ที่อาจจะเกิดน้ำหลากได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาค้อที่ ขค.1 (น้ำตกธารทิพย์) หมู่ 11 ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โทร. 08 1284 5223

สะพานห้วยตอง

หลายครั้งที่เราขับรถผ่านสะพานสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ก็อยากแวะชม แต่ใช่ว่าทุกที่จะมีมุมให้เราแวะพัก เพราะบางแห่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

แต่ที่สะพานพ่อขุนผาเมืองหรือสะพานห้วยตอง ตำบลปากช่อง อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ บนทางหลวงหมายเลข 12 (ตอนน้ำดุก-ห้วยชำมะคาว) จะมีที่จอดรถให้บริเวณเชิงสะพานฝั่งที่มาจากเพชรบูรณ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับบรรยากาศกลางหุบเขาได้ตลอดทั้งวัน

สะพานห้วยตอง ถือเป็นประตูสู่ภาคอีสานสู่จังหวัดขอนแก่น เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กแบบตอม่อที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงถึง 50 เมตร ระยะทาง 103.4 เมตร ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 6 ปี เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2518

ความแข็งแกร่งของรากฐานที่อยู่ในหุบเขา กับตัวสะพานโค้งพาดยาวท่ามกลางธรรมชาติในแต่ฤดูกาล คือความงดงามของจุดแวะพักชมวิวแห่งนี้

อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวก็ต้องระมัดระวัง อย่าถ่ายรูปเพลินจนล้ำเส้นเข้าสู่ตัวถนนอาจเกิดอันตรายได้

แคนยอนน้ำหนาว

ผาหินขนาดใหญ่ที่โค้งจนเกือบเป็นรูปครึ่งวงกลม ปกคลุมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ บางจุดเราจะเห็นธารน้ำตกไหลผ่าน เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่อลังการคล้ายแกรนด์แคนยอน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “แคนยอนน้ำหนาว” ต.โคกมน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

ผาหินอันยิ่งใหญ่แห่งนี้อาจจะซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก แต่เราสามารถเข้าไปชมได้ด้วยการเดินเท้าระยะสั้น ลักษณะของผาหิน มีทั้งหินปูน หินทราย และหินดินดาน เป็นหินตะกอนที่ยกตัวสูงขึ้น สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก เป็นความงดงามอันน่าอัศจรรย์

อีกหนึ่ง Unseen ที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมาเยือนเพชรบูรณ์

จุดชมวิวเขาปากช่อง

ถนนที่ตัดผ่านเนินสูงมองเห็นหุบเขาสลับซับซ้อนได้กว้างไกลสุดสายตา นี่คือจุดชุมวิวเขาปากช่อง บริเวณ ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

ความงดงามของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล ส่งพลังดึงดูดให้ผู้ที่ขับขี่ผ่านเส้นทางนี้ต้องแวะจอด บ้างก็เพื่อเลือกซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ชาวบ้านนำมาวางขาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแดดเดียว หนังควายตากแห้ง หม่ำอีสาน ฯลฯ

บ้างก็คิดว่าจะแวะพักรถชมบรรยากาศเพียงสักครู่ ขอสูดอากาศดี ๆ ท่ามกลางหุบเขาก่อนจะเดินทางต่อไป แต่แล้วก็โดนมนต์ตราแห่งขุนเขาตรึงไว้อยู่นาน เหมือนที่เราตัดสินใจกินข้าวเที่ยงกันตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านมื้อเช้ามาไม่นานนัก

“ร้านเจ๊ปู ลาบอีสาน” อีกหนึ่งบรรยากาศบนจุดชมวิวเขาปากช่อง ที่นี่มีอาหารตามสั่งและเมนูอีสานง่าย ๆ อย่างลาบ ส้มตำ ต้มแซบ ฯลฯ ไว้คอยบริการ หน้าร้านมีเตาปิ้งเล็ก ๆ พร้อมไข่ปิ้งอุ่น ๆ กับไก่ย่างเสียบไม้ ให้อารมณ์ความเรียบง่าย สบาย ๆ แบบชาวบ้าน

หลังจากเดินเล่นเพลิน ๆ อยู่พักหนึ่ง เมนูตามสั่งเรียงรายตามความชื่นชอบของแต่ละคนก็ยกมาเสิร์ฟ หน้าตาและรสชาติอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญในเวลานี้ เพราะที่เห็นตรงหน้าและสัมผัสด้วยสายตาก็อิ่มใจมากแล้ว

ม่อนแกะ เขาค้อ

“เขาค้อ” ดินแดนแห่งสายหมอกและขุนเขา ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังสดชื่นเสมอ

ล่าสุดกับ “ม่อนแกะ เขาค้อ” จุดเช็คอินแห่งใหม่บนเนินเขา ทุ่งกว้างที่ปล่อยให้บรรดาเจ้าแกะตัวน้อยใหญ่สายพันธุ์คอริเดลได้เดินมาเดินไปอย่างอิสระ

ฟาร์มแกะแห่งนี้มีคาเฟ่เรือนไม้ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ใครที่อยากมานั่งเล่นชมวิว จิบกาแฟ ถือว่าเหมาะมาก เพราะเป็นมุมที่มองเห็นเขาค้อได้อย่างกว้างไกลสบายตาสุด ๆ

“ม่อนแกะ เขาค้อ” มีค่าบริการเข้าชมท่านละ 100 บาท สามารถนำมาแลกส่วนลดเครื่องดื่มได้ 20 บาท นอกจากแกะแล้ว เรายังเห็นเจ้าวัวเจ้าควายยืนเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลิน เสียงรำพึงรำพันส่งสายตาบอกว่า “ปล่อยให้หน้าที่รับแขกเป็นของเจ้าแกะไปเลย”

ผาซ่อนแก้ว

มาถึงเขาค้อแล้วก็ต้องแวะขึ้นไปผาซ่อนแก้ว อันเป็นที่ตั้งของ “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวเขาค้อและนักท่องเที่ยว

ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นเมื่อขึ้นมาที่ผาซ่อนแก้ว หรือขับรถผ่านย่านแคมป์สน คือ “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” พระพุทธรูปสีขาวเรียงที่เรียงซ้อนกัน ท่ามกลางขุนเขากว้างใหญ่

บนผาซ่อนแก้วยังมีจุดชมวิว ที่พัก ร้านอาหาร รวมทั้งคาเฟ่เก๋ ๆ หลายแห่ง หากเดินไปด้านหลังองค์พระใหญ่ ก็จะพบกับ “เซเว่นอีเลฟเว่น” สาขาที่มีวิวสวยอลังการ รวมทั้ง “ร้านพิซซ่าของลุงทอม” อีกร้านอร่อยที่อยู่ในจุดชมวิวที่สวยมาก ๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ “กระท่อมน้อยของลุงทอม”​ ที่พักแบบบ้านดินท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบของเขาค้อ

ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ

ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ซึ่งเป็นวันประเพณีสารทไทย จังหวัดเพชรบูรณ์จะมีประเพณีทางน้ำอันยิ่งใหญ่ เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ “ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” ซึ่งปีนี้ ตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม 2566

ตำนานที่ถูกเล่าขานมากว่า 400 ปี มีเรื่องราวว่า ในอดีตเคยมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งออกหาปลาในแม่น้ำป่าสักจนได้พบเหตุอัศจรรย์ขึ้น คือ กระแสน้ำในบริเวณวังมะขามแฟบ มีพรายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือด จากนั้นได้กลายเป็นวังวนดันเอาองค์พระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ทำให้ชาวประมงต้องลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ

แต่ในปีถัดมาตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งเป็นวันประเพณีสารทไทย พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวได้หายไป ชาวบ้านต่างพากันตามหา สุดท้ายไปพบพระพุทธรูปกำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางแม่น้ำป่าสักบริเวณที่พบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรก จึงได้ร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิอีกครั้งหนึ่ง พร้อมร่วมกันถวายนามว่า “พระพุทธมหาธรรมราชา”

หลังจากนั้นต่อมาในวันสารทไทย หรือวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 เจ้าเมืองเพชรบูรณ์จะทำพิธีอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงประกอบพิธีดำน้ำเป็นประจำทุกปี โดยเชื่อว่าจำทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนมีความสุข บ้านเมืองปราศจากโรคระบาดคุกคาม จนกลายมาเป็นประเพณีอุ้มพระดำน้ำอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน 




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ