เช็กสัญญาณเตือนภัย...

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เช็กสัญญาณเตือนภัย...


เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค ได้ออก มากล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออก ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงเปิดเทอม เนื่องจากพบว่าสถานการณ์ ของโรคจะระบาดสูงสุดใน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และกรกฎาคม และมักพบในกลุ่มเด็กวัยเรียนระดับชั้นประถมศึกษา รองลงมาเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพแวดล้อม โดยแหล่งที่คาดว่าจะพบการวางไข่ของยุงลาย ได้แก่ ที่อับชื้น มุมมืดในห้องเรียน ตู้เย็น หรือที่มีแหล่งน้ำขัง ดังนั้นต้องเร่งกำจัด นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการไม่สามารถแยกคัดกรองเด็กป่วย เนื่องจากอาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัดจึงทำให้ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเด็กเป็นโรคอะไร
ล่าสุด ทาง ศาตราจารย์คลินิกแพทย์หญิงศิริเพ็ญ กัลยาณรุจ ผู้เชี่ยวชาญโรคไข้เลือดออก ศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางด้านโรคไข้เลือดออก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (ร.พ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกด้านโรคไข้เลือดออก กล่าวว่า จากสถิติการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย พบว่าในปี 2556 คาดว่าจะมีอัตราการแพร่ระบาดของไข้เลือดออกสูงและคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบ 5 ปี โดยจากการนับอัตราการป่วยของประชาชนไทยระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน รวมระยะเวลา 4 เดือน พบว่ามีผู้ป่วยประมาณ 24,000 รายและเสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น 28 ราย เฉลี่ยผู้เสียชีวิตสูงสุดต่อปีประมาณ 70-100 ราย โดยมีโอกาสป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เท่าๆ กัน และพบมากในช่วงอายุ 10-25 ปี
"อาการของผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากโรคอื่นๆ โดยเด็กที่ได้รับเชื้อโรคจะมีอาการไข้สูงลอย 2-7 วัน มักไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูกไหล เด็กเล็กที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างยาก ทำให้ต้องดูแลเป็นพิเศษและรักษาเป็นกรณีพิเศษ อาจมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีผื่นแดงตามร่างกาย มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟันผิดปกติ หรือเด็กบางรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจมีอาการช็อกซึ่งสังเกตได้ยาก เนื่องจากยังรู้สติดีอยู่ แต่จะดูอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ข้อสังเกตุคืออาการช็อกจะตรงกับวันที่ไข้ลง หรือไข้ต่ำลง อย่างไรก็ตาม ถ้าเฝ้าสังเกตและพบเห็นอาการบ่งชี้ว่าอาจเป็นอาการนำของภาวะช็อกควรรีบนำตัวเด็กเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญอย่างเร่งด่วน"
ทั้งนี้ 9 สัญญาณอันตราย ที่ผู้ปกครองควรสังเกตว่านี้หละคืออาการเร่งด่วน ที่ต้องรีบพบแพทย์ ได้แก่ 1.ไข้ลงหรือไข้ลดลงแต่ยังไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ อาทิ เบื่ออาหาร ไม่ค่อยเล่น และอ่อนเพลีย 2.คลื่นไส้ อาเจียน ตลอดเวลา 3.ปวดท้องมาก 4.มีเลือดออกมาก เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ 5.พฤติกรรมของเด็กเปลี่ยนไปจากปกติ 6.กระหายน้ำตลอดเวลา 7.ร้องกวนมากในเด็กเล็ก 8.ตัวเย็นชื้น สีผิวคล้ำลง หรือตัวเป็นลายๆ 9.ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ถ่ายปัสสาวะนานเกิน 4-5 ชั่วโมง
ดังนั้น การเตรียมตัวที่ดีในการป้องกันและดูแลเด็กให้ห่างไกลโรคไข้เลือดออกนั้นควรให้เด็ก ใส่เสื้อผ้าแขนยาวและกางเกงขายาว หรือ นอนหลับในห้องที่ติดมุ้งลวดมิดชิด ทาสารกันยุง ที่ปลอดภัย เช่น ตะไคร้หอม ระดับครัวเรือนควรกำจัดแหล่งน้ำขังตามสถานที่ต่างๆ อาทิ อุปกรณ์ในครัวเรือนและอุปกรณ์ซักล้างควรคว่ำหรือปิดฝาให้เรียบร้อย เปลี่ยนน้ำรองขาโต๊ะหรือในแจกันทุกสัปดาห์ หรือผสมเกลือ หรือ ตรวจสอบรอบบริเวณบ้าน รางระบายน้ำบนหลังคาว่ามีแอ่งขังน้ำหรือไม่ และการป้องกันในระดับชุมชน ต้องร่วมมือกันในการรณรงค์กำจัดแหล่งน้ำขังภายในชุมชนปีละ 2-3 ครั้ง หรือพ่นยาฆ่าแมลงในเขตชุมชนปีละ 2-4 ครั้ง เป็นต้น เพียงเท่านี้ เด็กน้อยและตัวคุณเองก็ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกอย่างแน่นอน




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ