Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 6 มีนาคม 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
ประทินผิว บำรุงผม ด้วยแป้งข้าว
ประทินผิว บำรุงผม ด้วยแป้งข้าว
วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
เมื่อกล่าวถึง "ผู้หญิง" ในทุกชาติ ทุกยุค ทุกสมัยเรื่องหนึ่งที่อยู่คู่กันคือความสวยความงามและเครื่องประทินผิว โดยเฉพาะ "แป้ง"
แน่นอนว่า สำหรับชาวเอเชียซึ่งรวม ถึงไทยด้วยนั้น แหล่งแป้งที่สำคัญและคุ้นเคยกันดี คือ ข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย ไม่ว่าจะหุงรับประทานหรือนำไปแปรรูปเป็นอาหารจำพวกเส้นหลากชนิด รวมไปถึงของหวานแล้ว แป้งจากข้าวยังสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องประทินผิวและเครื่องบำรุงเส้นผมได้อีกด้วย
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่ม งานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในชุมชนมุสลิม 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ มีการทำแป้งข้าวมาตั้งแต่ โบราณ ซึ่งวิธีการทำนั้นคนในอดีตจะนำข้าว สารมาแช่ประมาณ 3-4 เดือน หรือ 40 วัน เป็นอย่างน้อย โดยในระหว่างที่แช่ต้องเทน้ำทิ้งบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นเปรี้ยว
เมื่อเมล็ดข้าวแตกละเอียดดีแล้วให้กรองด้วยผ้าขาว ใช้น้ำสะอาดล้าง แล้วบิด หรือขยี้ให้แป้งละเอียดก่อนนำไปตากแห้ง จะได้แผ่นแป้งแข็งสีขาว แล้วนำมาตัดเป็น ชิ้นเล็กๆ หรืออาจใช้ใบตองมาทำเป็นกรวย ขนาดต่างๆ แล้วนำแป้งมาหยอด นำไปตากให้แห้ง
หลังจากนั้นจะได้แป้งเป็นก้อนขนาด เล็กชาวบ้านจะเรียกแป้งนี้ว่า "แป้งเย็น" ภาษามลายูท้องถิ่น เรียกว่า "บือเดาะซือโย๊ะ" ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ชาวมุสลิมบางคนมักจะพกแป้งเย็นไปเมกะห์ด้วย แป้งเย็นนี้จะใช้ทาประทินผิวและแก้ผดผื่นคัน
สาวไทยสมัยก่อนก็มีการใช้น้ำซาวข้าวล้างหน้า เพราะเชื่อว่า จะทำให้ผิวหนัง เปล่งปลั่งเป็นนวลใยไร้สิวฝ้า แป้งข้าวเจ้าใช้กล่อมผิว ให้ผิวสวย ไร้ผดผื่นคัน
สำหรับสูตรยาแก้ฝ้านั้น ก็สามารถทำได้โดย นำต้นไมยราบทั้งห้า 1 กำมือ ข้าวสาร 1 กำมือ ขมิ้นชันขนาดเท่านิ้วโป้ง ตำรวมกันพอแหลกแล้วจึงนำมาพอกหน้าหรือทาก่อนนอน โดยก่อนพอกต้องล้างหน้าให้สะอาดและล้างออกเมื่อตื่นนอนตอนเช้า หากมีสีเหลืองของขมิ้นติดผิวอยู่ให้ล้างสีออกด้วยน้ำมะขามเปียก ทำติดต่อกันฝ้าจะจางลง
ในแวดวงชนชั้นสูงของสาวจีนและไทย มีวัฒนธรรมในการกล่อมผิวด้วยแป้งข้าวเจ้า ซึ่งการบดข้าวในสมัยนั้น มักจะเป็นข้าวซ้อมมือ
โดยจะใช้ข้าวที่บดละเอียดแล้ว ประมาณครึ่งกิโลกรัมเทใส่อ่าง ซึ่งเป็นอ่างน้ำในโรงแรมเช่นเดียวกับในปัจจุบัน หรือถังไม้ของคนจีนที่ใช้แช่อาบน้ำ
หลังจากนั้น เติมน้ำลงไป จะได้น้ำสีขุ่นๆ คล้ายๆ น้ำซาวข้าว คนที่จะแช่ต้องทำความสะอาดตัวก่อนแล้วค่อยลงแช่ และ ไม่ต้องอาบน้ำอีก ให้แป้งเคลือบผิวไว้เลย นอกจากนี้ ข้าวยังช่วยรักษาสิวเสี้ยน บำรุงผิวทำให้ผิวหน้าสดใส ซึ่งทำได้โดยการใช้น้ำ ซาวข้าวครั้งที่ 2 ล้างหน้า จะช่วยรักษาสิวเสี้ยน และทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสขึ้นเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นประจำ
ปัจจุบันพบว่า องค์ประกอบต่างๆ ของข้าวล้วนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะรำข้าว ซึ่งมีแร่ธาตุ กรดไขมัน และวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินอี และแกมมาโอไรซานอล (-oryzanol) ในปริมาณสูง ซึ่งแกมมาโอไรซานอลนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวขาวขึ้น
เอนไซม์ที่ได้จากข้าวและรำข้าว สามารถยับยั้งการสร้างเมลานิน และการเกิดเม็ดสีจากรังสี UV ช่วยลดริ้วรอย สามารถ ยับยั้งการเกิด lipid peroxidation และทำ ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีน ที่ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่น
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า สารสกัดจาก รำข้าว (rice bran) ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น น้ำมันจากจมูกข้าว (rice germ) ช่วยเคลือบ ผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น ช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคือง ส่วนแป้งข้าวเจ้านั้น มีคุณสมบัติลดอาการระคายเคืองและช่วยดูดซับ เหมาะที่จะใช้ทำแป้งฝุ่น
ด้วยคุณประโยชน์เหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ จากข้าวจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวพรรณและปกป้องผิว
คนไทยโบราณมักใช้น้ำซาวข้าวสระผม เพราะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่เป็น รังแคและมีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถใช้แทนแชมพูได้หรืออาจใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ก็ได้
สำหรับน้ำซาวข้าวที่เก็บไว้หลายวัน หรือที่เรียกว่า "น้ำมวกส้ม" หากนำมาต้มแล้วสระผม จะทำให้ผมสวย เป็นเงางามมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันได้มีการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่มีส่วนผสมของรำข้าว รักษาความชุ่มชื้น รักษาทรงผมให้ผมเป็นลอนเงางาม และพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักของข้าว จะช่วย เพิ่มการงอกของเส้นผมอีกด้วย
สำหรับวิธีการใช้น้ำซาวข้าวในการดูแลเส้นผม ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ซึ่งสามารถ ทำไว้ใช้เองได้ง่ายๆ เช่น
ยาสระผมน้ำซาวข้าวกับใบหมี่ (ตำรับของ คุณอำนวยศิลป์ เงินคำ) ให้นำน้ำซาวข้าว ใบหมี่ มะขามเปียก คั้นเอา แต่น้ำใช้สระผมเป็นประจำ
ยาสระผมมะกรูดและน้ำข้าวกล้องปั่น (ตำรับของ สุวรรณี พฤฒินิรันดร์ กทม.) ใช้ข้าวกล้อง 1-2 กำมือ ล้างให้สะอาดและ แช่น้ำทิ้งไว้ จากนั้น นำมะกรูดมา 1 ลูก ต้ม ให้สุก เมื่อสุกดีแล้ว ให้แกะเม็ดออก แล้วนำ ไปปั่นรวมกับข้าวกล้อง และน้ำสะอาดเพิ่ม อีกเท่าตัว หากไม่มีเครื่องปั่นสามารถใส่ครกตำแทนได้ ปั่นให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำมาหมักผมหรือใช้สระผมก็ได้
ตำรับของสาวภูไท ให้นำน้ำมวก ซึ่งได้จากน้ำที่แช่ข้าวเหนียวค้างคืน ใบหม่อน มะกรูดทั้งเปลือก มาสระผม แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำธรรมดา ทำเป็นประจำผมจะเงางามขึ้น หรือนำน้ำมวก มะนาว ใบหนาด ราก ว่านสาวหลงที่ทุบแล้ว ต้มทิ้งไว้ให้เย็น ใช้สระ ผม แล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา เป็นต้น
"จะเห็นได้ว่า ข้าวมีคุณประโยชน์ ทั้งจากการใช้รับประทานเพื่อเป็นอาหาร และใช้ในการบำรุงและรักษาผิวพรรณ หรือ เส้นผม" ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ