Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
เทคนิคแก้ไข...อาการป่วนจากยาเม็ดคุมกำเนิด
เทคนิคแก้ไข...อาการป่วนจากยาเม็ดคุมกำเนิด
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
"ยาเม็ดคุมกำเนิด" ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในประเทศยุโรป เมื่อปี พ.ศ.2504 ส่วนประเทศไทยนั้นเริ่มใช้เมื่อ พ.ศ. 2505 จวบจนปัจจุบันยาเม็ดคุมกำเนิดก็ยังเป็นวิธีได้รับความนิยม ในการนำมาใช้วางแผนครอบครัว ยาเม็ดคุมกำเนิด ประกอบด้วย ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน ซึ่งออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ แม้ว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ค่อนข้างสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็อาจเกิดอาการข้างเคียงต่างๆ ขึ้นได้ หากผู้ใช้ได้ทราบล่วงหน้าถึงสาเหตุ วิธีป้องกันและแก้ไขอาการเหล่านั้นแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ในการช่วยลดอาการข้างเคียง และลดความวิตกกังวลลงได้ โดยมีอาการ ดังนี้
อาการคลื่นไส้อาเจียน : สาเหตุ มักเกิดในผู้ที่เริ่มใช้ยาแผงแรกๆ โดยที่ร่างกายยังไม่ชินกับยา เกิดจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนขนาดสูง ซึ่งการป้องกันและแก้ไข คือ รับประทานยาหลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน ถ้าใช้ยา 2-3 แผงอาการยังไม่หาย ให้เปลี่ยนยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนขนาดต่ำ ถ้ามีอาการมากไม่ควรใช้เอสโตรเจน ให้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด แผง 35 เม็ดแทน
อาการปวดศีรษะ (แบบไมเกรน) : สาเหตุ ฮอร์โมนในยาเม็ดคุมกำเนิดโดยเฉพาะเอสโตรไจน อาจทำให้มีการคั่งของน้ำและเกลือ ทำให้เกิดการปวดศีรษะได้ โดยการป้องกันและแก้ไข หลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดในผู้ที่เป็นไมเกรน อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เครียด ลองหยุดยา 2 เดือน ถ้าอาการหาย พอรับประทานใหม่แล้วเป็นอีก แสดงว่าเป็นเพราะยาคุม เลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่เอสโตรเจนต่ำๆ หรือใช้ชนิดแผงละ 35 เม็ดแทน หรือหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด หากปวดศีรษะมาก มีอาการตาพร่าหรือมีอาการทางระบบประสาท และสมอง ต้องรีบไปพบแพทย์
หน้าเป็นฝ้า : สาเหตุ เกิดจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนในยาเม็ด การป้องกันและแก้ไข ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนต่ำหรือเปลี่ยนเป็นชนิดแผง 35 เม็ดแทน หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด ใช้ครีมป้องกันแสงแดดหรือแสงอุลตร้าไวโอเลต
หน้าเป็นสิว : สาเหตุเกิดจากยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์ของแอนโดรเจนต่ำ ให้รับประทานยาเตตร้าซัยคลิน วันละ 1 เม็ด เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน
น้ำหนักตัวเพิ่ม : สาเหตุ ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้เกิดการคั่งของน้ำและไขมันใต้ผิวหนัง ฮอร์โมนโปรเจสโตเจนทำให้อยากรับประทานอาหารมากขึ้น การป้องกันและแก้ไข เลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนทั้งสองชนิดในขนาดต่ำลง ถ้าไม่ได้ผล เปลี่ยนเป็นชนิดแผงละ 35 เม็ด ถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเกิน 5 กก.ให้หยุดใช้ยา
มีเลือดออกระหว่างรอบเดือน : สาเหตุมาจากระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไป มักเกิดกับผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรกๆ อาจเกิดจากการรับประทานยาไม่ถูกวิธี เช่น ไม่ตรงเวลา หรือลืม รับประทานยา อาจได้รับยาอื่นร่วมด้วย เช่น ยาต้านเชื้อ ยาแก้ชัก ยาระงับประสาท ยาแก้แพ้ ยาขับปัสสาวะ การป้องกันและแก้ไข รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวันและไม่ลืม หากรับประทานยาอื่นที่มีผลต่อยาเม็ดคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ถุงยางอนามัย หากมีเลือดออกกะปริดกะปรอยเกิน 3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อแก้ไข ที่สาเหตุอาการต่างๆ หรือพิจารณาเปลี่ยนยา
เลือดประจำเดือนมาน้อย : สาเหตุ รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดนานๆ หรือสตรีที่มีรอบเดือนไม่สม่ำเสมออยู่ก่อน การป้องกันและแก้ไข รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนสูงขึ้น
เลือดประจำเดือนมามาก : สาเหตุ อาจเกิดจากการขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หรือมีเอสโตรเจนมากเกินไป เกิดจากพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน การป้องกันและแก้ไข ให้รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนในกลุ่มโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น หรือให้รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนลดลง แนะนำให้พบแพทย์
เลือดประจำเดือนไม่มา : สาเหตุ ตั้งครรภ์เพราะลืมรับประทานยา ได้รับยาอื่นที่มีผลต่อยาคุม ได้รับเอสโตรเจนน้อยเกินไปทำให้เยื่อบุมดลูกเจริญไม่เต็มที่ การป้องกันและแก้ไข ให้ตรวจสอบว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ถ้าตั้งครรภ์ให้หยุดใช้ยาทันที ถ้าไม่ตั้งครรภ์ให้รับประทานต่อไปอีก 1 แผง ถ้าประจำเดือนไม่มาอีก ให้เปลี่ยนเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนสูงขึ้น นอกจากนี้อาการข้างเคียงต่างๆ อย่างอื่นยังอาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปวดประจำเดือน ปวดขา เส้นเลือดขอด เศร้าหมอง อ่อนเพลีย ความรู้สึกทางเพศลดลง อย่างไรก็ตามยาคุมกำเนิดในปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาขึ้นมากและลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้มาก
สำหรับข้อมูลเบื้องต้น เป็นเพียงแนวทางการดูแลตนเองในเบื้องต้น หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เป็นดีที่สุด
ข้อมูล : ภ.ญ.พูลสุข จันทร์วัฒนเดชากุล จากคลินิครัก
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ