Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
เลือกกินผลไม้ไทย..ใช้รักษาโรค
เลือกกินผลไม้ไทย..ใช้รักษาโรค
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Tweet
เมื่อได้ยินคำว่าสมุนไพร หลายคนมักนึกถึงพืชแปลกๆ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยคุ้นตา หรือพืชจำพวกเครื่องเทศที่ใช้ในการประกอบอาหาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว พืชผัก หรือผลไม้ ที่เรารับประทานอยู่เสมอนั้น ต่างมีสรรพคุณทางยาแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ของหวานยอดนิยมสำหรับหน้าร้อนของไทย เองก็มีสรรพคุณทางยาอยู่เช่นกัน โดยข้าวเหนียวในขนมหวานชนิดนี้มีสรรพคุณเป็นของร้อนรสหวานจะช่วยบำรุงพลัง ตลอดจนบำบัดอาการเหงื่อออกมาก และท้องเสีย โดยเฉพาะมะม่วงที่มีรสหวานปนเปรี้ยวนั้น ช่วยบำรุงร่างกาย, แก้ไอและขับลมได้
อย่างไรก็ตาม หากรับประทานขณะเป็นโรคกระเพาะอาหาร, ม้ามพร่องหรือ ระบบย่อยอาหารบกพร่อง จะท้องอืด, จุกเสียดแน่นและอาหารย่อยยาก นอกจากนี้ หากรับประทานเกินพอดีจะร้อนใน, เจ็บคอ, ท้องผูก, ปวดหัว เป็นต้น
ทุเรียนเองก็เช่นกันสามารถนำส่วนใบ เนื้อหุ้มเมล็ด เปลือกลูกและราก มา ใช้เป็นยาสมุนไพรได้ โดยใบให้รสขม เย็นเฝื่อน มีสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิและทำให้หนองแห้ง เนื้อหุ้มเมล็ดให้รสหวานร้อนทำให้เกิดความร้อน ใช้แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีแห้ง ขับพยาธิ เปลือกลูกรสฝาดเฝื่อน สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง แก้ฝีตานซาง คุมธาตุ แก้คางทูม ไล่ยุงและแมลง ส่วนราก รสฝาดขม แก้ไข้ แก้ท้องร่วง
สำหรับวิธีใช้ส่วนต่างๆ ของทุเรียนนั้น หากแก้ไข้ แก้ดีซ่านให้ใช้ใบต้มน้ำอาบ ในการแก้คางทูม ใช้เปลือกลูกเผา เอาเถ้าละลายน้ำมันมะพร้าวทา เปลือกลูกเผาเอาควันสำหรับไล่ยุงและแมลง ส่วนรากต้มเอาน้ำดื่มเพื่อแก้ไข้ แก้ท้องร่วง สุดท้ายคือเนื้อรับประทานแก้โรคผิวหนัง และขับพยาธิ
หลายส่วนของมะพร้าวเองก็มีสรรพคุณทางยาเช่นกัน โดยสามารถใช้เปลือก ต้นที่ยังสด นำมาเผาไฟให้เป็นเถ้าแปรงสีฟัน แก้เจ็บปวดฟันและใช้ทาแก้หิด
เปลือกผลที่แก่และแห้งแล้ว นำมาเป็นยาแก้อาเจียน แก้โรคกระเพาะและใช้ในการห้ามเลือดแก้ปวดเลือดกำเดาไหลได้ดี
เนื้อมะพร้าว ใช้เนื้อมะพร้าวสดหรือแห้ง นำมาขูดให้เป็นฝอยใส่น้ำ แล้วเคี่ยวเอาน้ำมัน ใช้กินเป็นยาบำรุงกำลัง ขับปัสสาวะ ขับพยาธิ แก้ไข้ แก้กระหายน้ำ ส่วนน้ำมะพร้าวนั้นใช้น้ำมะพร้าวสดประมาณ 1-2 ลูก กินเป็นยาระบาย แก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะ แก้พิษ แก้กระหายน้ำ แก้นิ่ว แก้อาเจียนเป็นโลหิตและบวมน้ำ
แม้แต่กะลามะพร้าวสามารถนำมาเผาให้เป็นถ่านดำแล้วนำมาบดให้เป็นผงละเอียด ผสมน้ำกินวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 0.5-1 ช้อนชา กินเป็นยาแก้ท้องเสีย แก้ปวดกระดูกและเอ็น
สำหรับน้ำมันที่ได้จากเนื้อหรือจากกะลา ใช้กินเป็นยาบำรุงกำลังหรือใช้ทาเป็นยาแก้กลาก เกลื้อน แก้โรคผิวหนังต่างๆ ทาแผลน้ำร้อนลวก และใช้ทาผิวหนัง ที่แตกเป็นขุย นอกจากนี้ยังใช้เป็นน้ำมันทาผมได้อีกด้วย
ดอกและรากก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยใช้ดอกสดอ่อน นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้เจ็บปาก เจ็บคอ แก้ท้องเสีย เป็นต้น และใช้รากสดนำมาต้มกินเป็นยาแก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะหรือเอาน้ำอมหรือบ้วน แก้เจ็บปากเจ็บคอได้เช่นกัน
มะปรางหวานหรือที่ชาวนครนายกเรียกว่ามะยงชิดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยบำรุงสายตา ทั้งยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน นอกจากนี้ ยังมีโปรตีน เหล็ก ไนอะซีน วิตามินบีและวิตามินอี
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสรรพคุณทางยาจากส่วนต่างๆ ของผลไม้ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีและรับประทานกันเป็นประจำ
ที่มา : samunpri.com
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ