หลังคนไทยให้ความสำคัญกับความสวยความงามมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจคลินิกความงามผุดขึ้นเป็นดอก เห็ด ดังนั้น จะเห็นได้ว่าธุรกิจดังกล่าวมีการขยายตัวสูงขึ้น โตเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10% มีมูลค่าประมาณ 25,000 ล้านบาทต่อปี
นายนพพล ใจดีแท้ ประธานกรรมการบริหาร EDEN BANGKOK CLINIC เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยได้ให้ความสนใจ และใส่ใจในเรื่องของความสวยความงามมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจคลินิกเสริมความงามในไทยได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าธุรกิจดังกล่าวนี้มีการขยายตัวสูง โดยคาดว่าในแต่ละปีจะมีมูลค่าตลาดอยู่ประมาณ 25,000 ล้านบาท มีการเติบโตมากกว่า 10%
สำหรับ EDEN BANGKOK CLINIC ปัจจุบันเปิดให้บริการรวม 2 สาขา คือ สาขารามคำแหง และที่เพิ่งเปิดล่าสุด คือ ถนนราษฎร์พัฒนา ตรงข้ามมิสทิน ทั้ง 2 สาขาดังกล่าว จะเปิดบริการในส่วนการยกกระชับด้วยการร้อยไหม ปรับรูปหน้า นอกจากนี้ ยังมีบริการเสริมจมูก ฉีดลดกราม เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจากการเปิดสาขาแรกที่ย่านรามคำแหง มากว่า 1 ปี ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากลูกค้ามีการบอกต่อถึงคุณภาพ และราคา ในการให้บริการ ส่งผลให้มีการบอกต่อกัน ทั้งในส่วนของสังคมออนไลน์ รวมถึงปาก ต่อปาก ทำให้ล่าสุดมีการขยายสาขาแห่งที่ 2 ขึ้นที่ถนนราษฎร์พัฒนา ใช้งบลงทุนกว่า 3 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากผลตอบรับที่ล้นหลามจากลูกค้า ทำให้ปีนี้มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายสาขาเพิ่มที่ย่านปิ่นเกล้า และย่านบางแค ใช้งบลงทุนสาขาละประมาณกว่า 3 ล้านบาท จากนั้นช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ ยังมีแผนขยายสาขาในต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่มองไว้ คือ ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
สำหรับการรุกทำตลาดประชาสัมพันธ์ EDEN BANGKOK CLINIC เดิมทีมีการใช้งบทำตลาดในส่วนอี-มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดี ขณะที่จากนี้มีแผนจะรุกในสื่อดังกล่าวมากขึ้น พร้อมกับจะใช้พรีเซ็นเตอร์ คือ ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งจะได้เห็นภาพก่อนและหลังเข้าใช้บริการอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน ในธุรกิจคลินิกเสริมความงามมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง แต่ละรายต่างชูจุดเด่นทั้งในเรื่องคุณภาพการให้บริการ รวมถึงในเรื่องของราคาค่าบริการ
ขณะที่ EDEN BANGKOK CLINIC จะได้รับการยอมรับจากลูกค้าในเรื่องการร้อยไหม ซึ่งจากที่ได้ใช้ลูกค้าจริงที่เข้ามาใช้บริการประชาสัมพันธ์ให้ทราบในวงกว้างผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขณะนี้ถือว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้า ทั้งจากคนไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ถึง 35-40 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายไม่น้อยไปกว่าปีที่แล้ว