โรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NAM ผู้นำด้านการผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำของไทย ร่วมเสริมทัพเฮลท์เทคเพื่อยกระดับคุณภาพการนอนหลับด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี iNAP (Intraoral Negative Airway Pressure Therapy) ช่วยรักษาอาการนอนกรนที่คุกคามคนไทยกว่า 25% ซึ่งเป็นสัญญาณเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea: OSA) ภัยเงียบคุกคามสุขภาพคนไทยกว่า 3 ล้านคน
นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลวิมุต ยังคงเดินหน้ายกระดับการดูแลสุขภาพคนไทยในแบบองค์รวม พร้อมเสริมแกร่งธุรกิจเฮลท์แคร์ให้สอดรับตลาดและเทรนด์สุขภาพยุคใหม่อยู่เสมอ ข้อมูลจาก Emergen Research เผยว่าในปี 2022 ตลาด Sleep Economy หรือเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ มีมูลค่าถึง 512.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) อยู่ที่ 6.3% ปัจจุบัน ตัวเลขจากทั่วโลกและในไทยชี้ให้เห็นว่าภาวะนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นภัยร้ายที่คุกคามสังคมโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมูลของ National Council on Aging (NCOA) ในสหรัฐฯ ระบุว่าประชากรโลกราว 936 ล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าผู้ที่มีอาการนอนกรน เสี่ยงต่อภาวะดังกล่าวมากถึง 94% ส่วนสถิติในประเทศไทย ข้อมูลจากราชวิทยาลัย โสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย เผยว่าคนไทยประมาณ 25% มีภาวะนอนกรนและพบผู้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับประมาณ 5% หรือราว 3 ล้านคน ซึ่งในผู้ที่มีภาวะดังกล่าวมักมีอาการกรนมากจนหายใจติดขัด เกิดการสะดุดหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ทำให้ร่างกายขาดอากาศเป็นระยะ ๆ ระหว่างที่หลับ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจ สมอง หลอดเลือด และอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่ทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนมากมายโดยไม่รู้ตัว เช่น ภาวะใหลตาย, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหลอดเลือดหัวใจ, เบาหวาน, อัมพาต, ความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรค รพ. วิมุต ตระหนักว่าการนอนกรน ไม่ใช่แค่เรื่องน่ารำคาญ แต่เป็นสัญญาณอันตรายที่ควรพบแพทย์ และปัจจุบันมีหลากหลายแนวทางการรักษาทางการแพทย์ที่ทำให้ผู้ใช้บริการกลับมานอนได้อย่างมีคุณภาพ”
การร่วมมือกับบริษัท นําวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เพื่อเปิดตัว iNAP Sleep Therapy System นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในการรักษาอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการแก้ปัญหาและเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ รพ. วิมุต ในการเป็นผู้นำด้าน Trusted Healthcare Platform นำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามายกระดับการดูแลรักษาและให้บริการที่ครอบคลุมอย่างไร้รอยต่อ พร้อมเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรเพื่อเสริมแกร่งแพลตฟอร์มสุขภาพเพื่อดูแลคนไทยให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน” นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ กล่าวเสริม
วิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ กรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นําวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ NAM กล่าวว่า "ปัจจุบันทั่วโลกและคนไทยเริ่มตระหนักรู้ถึงความสำคัญของคุณภาพการนอนหลับและภัยเงียบที่เกิดจากการนอนที่ไม่มีคุณภาพ โดยข้อมูลของ Research And Markets บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำระบุว่าตลาดเครื่องมือแพทย์ในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 9.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 โดยขยายตัวที่ CAGR ที่ 7.34% จากปี 2567 ถึง 2573 ปัจจุบันตลาดประเมินไว้ที่ 6.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ปี 2566 โดยนำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้ผลิต นำเข้า และจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการอื่น ๆ ในธุรกิจด้านสุขภาพด้วยประสบการณ์มากกว่า 50 ปีในการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลและสถานพยาบาลชั้นนำ เรามีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การเปิดตัว iNAP Sleep Therapy System ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเพิ่มทางเลือกใหม่สำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวที่โรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย โดย iNAP One Sleep Therapy System ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ออกแบบมาเพื่อลดการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งเป็นสาเหตุของการนอนกรน ทำงานด้วยเทคโนโลยี Oral Negative Air Pressure Therapy สร้างแรงดูดอ่อน ๆ ทำให้ลิ้นและเนื้อเยื่ออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้หายใจได้อย่างเป็นธรรมชาติขณะที่นอนหลับ ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดวกต่อการพกพา มีขนาดเล็กกะทัดรัด และสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ใช้งานได้นาน 4-6 วัน ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการทดสอบและรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย รวมทั้งผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) และในประเทศไต้หวัน อีกทั้งยังได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายจากองค์กรชั้นนำ พร้อมการยอมรับจากแพทย์และนักวิจัยในหลายประเทศ ว่ามีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยในการลดภาวะหยุดหายใจขณะหลับในทุกระดับความรุนแรง”
ผศ.พญ.กวินญรัตน์ จิตรอรุณฑ์ แพทย์เฉพาะทางสาขานาสิกวิทยาและภูมิแพ้ โรงพยาบาลวิมุต เล่าถึงสาเหตุของการนอนกรนและความเสี่ยงจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ว่า “ในสังคมยุคปัจจุบัน ปัญหาการนอนนับเป็นปัญหาสุขภาพเรื่องใหญ่ที่พบ เราพบว่าผู้คนทั่วโลกมักมีความเครียดสะสม นอนไม่หลับ นอนไม่พอ และมีปัญหาเรื่องคุณภาพการนอน โดยพฤติกรรมนอนที่ผิดปกติเหล่านี้ก็ค่อย ๆ ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจโดยที่เราไม่รู้ตัว และที่น่าเป็นห่วงคือหลายคนยังคิดว่าการนอนกรนเป็นเรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น โดยเฉพาะในคนที่นอนกรนรุนแรงจนโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นร่วมด้วยนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ภาวะนอนกรนพบได้ในทุกอายุ โดยมักจะพบในผู้ใหญ่และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวมาก การนอนกรนระดับรุนแรงที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วยเราเรียกว่า Obstructive Sleep Apnea ซึ่งเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น โดยระบบทางเดินหายใจส่วนต้นมีการตีบแคบลง สาเหตุอาจเกิดจากกายวิภาคของกล้ามเนื้อในช่องคอ โคนลิ้นมีการย่อนไปปิดทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะขณะหลับหรือการที่ช่องคอมีลักษณะแคบ ทำให้ออกซิเจนไม่สามารถเข้าสู่ปอดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะอื่น ๆ ได้ คนไข้จะมีภาวะออกซิเจนต่ำ มีการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เกิดการสะดุ้งเฮือกกลางดึกหรืออาการเหนื่อยหอบหลังสะดุ้งตื่น ทำให้รู้สึกเหมือนยังไม่ได้พักผ่อนเมื่อตื่นนอน แต่กลับเหนื่อยล้าและรู้สึกง่วง เมื่อเป็นเช่นนี้เป็นประจำจะส่งผลร้ายต่อสภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงความเสี่ยงต่อโรค อาทิ ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจห้องบนผิดปกติ เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงซึมเศร้าและโรคอ้วน”
“ส่วนการปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัญหาการนอนกรนและการหยุดหายใจขณะหลับที่ดีที่สุดคือการลดน้ำหนักตัว ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ปรับท่านอนเป็นนอนตะแคงจะช่วยให้อาการลดลงบ้าง อย่าอดนอน และที่สำคัญหมั่นสังเกตอาการของตัวเองและคนรอบข้าง หากพบอาการผิดปกติ เช่น นอนกรนเป็นประจำและมีอาการสะดุ้งเฮือก นอนเต็มที่แต่ตื่นมายังง่วงมาก ปากแห้ง-คอแห้งและเจ็บคอเมื่อตื่นนอน หรือปวดศีรษะหลังตื่นนอนเป็นประจำ ควรพบแพทย์เพื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างทันท่วงที หากซักประวัติแล้วเข้าข่ายก็ควรตรวจด้วยการทำ Sleep Test เพื่อวิเคราะห์การทำงานของร่างกายระหว่างนอนหลับโดยละเอียด เพื่อหาแนวทางรักษาอาการต่อไปและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่” ผศ.พญ.กวินญรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย