"โฮมีโอพาธีย์" ดูแลพัฒนาการสมวัย แก้ไขภาวะเด็กสมาธิสั้น+ออทิซึม

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556



ปัจจุบันพบว่าจำนวนของเด็กที่มีพฤติกรรมและภาวะสมาธิสั้นมีปัญหาด้านการเรียนและมีภาวะออทิซึมมีเพิ่มขึ้นทุกปีตามแนวคิดศาสตร์ ของแพทย์ทางเลือก "โฮมีโอพาธีย์" ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งพบว่าการป่วยซึ่งเกิดจากความเจ็บป่วยในเซลล์ของ ร่างกาย ส่งผลต่อความผิดปกติในเรื่องของพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก โดยเด็กกลุ่มนี้มีโอกาสในการรักษาได้ ซึ่งทางการแพทย์ได้มีความพยายามที่จะค้นหาป้องกันและรักษาภาวะผิดปกติดังกล่าวมาอย่าง ต่อเนื่อง
ดร.คีธาน พาเทล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้าน "โฮมีโอพาธีย์" ซึ่งทำการรักษาผู้ป่วยมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี กล่าวว่า ตามแนวคิด ของโฮมีโอพาธีย์ได้แบ่งกลุ่มคน ซึ่งมีธรรมชาติแบบต่างๆ เข้ารวมเป็นกลุ่มบุคลิกภาพเด่นๆ ออกเป็น 4 ประเภท แต่ละประเภทจะมีบุคลิกภาพและการเรียนรู้ที่แตกต่างกันโดยมีพื้นฐานสำคัญคือเรื่องความเจ็บป่วยและเหตุการณ์ในชีวิตซึ่งผลักดันให้บุคคลนั้นมีบุคลิกภาพและการเรียนรู้ที่หลุดออกไปจากสมดุลของธรรมชาติของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ความเบี่ยงเบน ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนกลับมาอยู่ในสมดุลได้ หากเลือกใช้ยาที่เหมาะสม ซึ่งบุคลิกภาพซ่อนเร้นทั้ง 4 แบบ ในแนวคิดของโฮมีโอพาธีย์นี้ เชื่อว่ามีการกำหนดมาแล้วจากภาวะการติดเชื้อในอดีตของบรรพบุรุษอันเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจการแสดงออกของพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้นผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจในพฤติกรรมของเด็ก เพื่อการดูแลลูกอย่างถูกวิธีภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กที่มีพฤติกรรม และภาวะสมาธิสั้นมีปัญหาด้านการเรียนและมีภาวะออทิซึมได้อย่างถูกต้องเนื่องจากคนเราตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ อาหารการกิน สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู อารมณ์ที่ปฏิบัติต่อกันในบ้านในสังคมล้วนมีผลต่อตัวตนของเด็ก และเป็นผลให้แต่ละคนสร้างบุคลิกภาพเฉพาะของตน บางคนเกิดมาเป็นคนอารมณ์ดีรักความสงบทำอะไรช้าๆ ขี้เกรงใจ บางคนใจน้อย บางคนคล่องแคล่วว่องไว เปิดเผยตรงไปตรงมา ชวนทะเลาะเอาแต่ใจตัว ฯลฯ
"บุคลิกแต่ละประเภทมีความพร้อมรับที่จะเกิดภาวะสมาธิสั้นได้มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกัน นอกจากนี้จากหลักการของ "โฮมีโอพาธีย์" เด็กยังสามารถรับอิทธิพล จากพ่อแม่และย้อนขึ้นไปในบรรพบุรุษได้ด้วย ดังนั้น การแก้ไขภาวะเด็กสมาธิสั้นจึงไม่ได้หมายความว่าเด็กๆ ทุกคนจะถูกวินิจฉัย อย่างเดียวกันแล้วใช้วิธีการเหมือนกันหมดแต่จะพิจารณาแต่ละคนตามบุคลิกภาพที่ปรากฏแล้วจึงแก้ไขตามบุคลิกภาพพูด ง่ายๆ ว่าซ่อมบุคลิกที่แปรเปลี่ยนไปให้เข้าที่เข้าทางสู่พัฒนาการที่สมวัยนั่นเอง"
ด้าน พ.ญ.สุวิมล ชีวมงคล กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการเด็ก และผู้เชี่ยวชาญด้านการนำศิลปะแขนงต่างๆ มาใช้ในการบำบัดผู้ป่วย (Creative Learning) กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเด็กโดยเบื้องต้น อาทิ ดูจากภาวะขับถ่ายของเด็ก ที่ไม่ปกติ และกลิ่นอุจจาระหรือ กลิ่นผายลมที่รุนแรงมาก สมาธิสั้น และซนมากกว่าเด็กทั่วไป ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการและพบว่าเด็กป่วยที่มีอาการดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้นเนื่องจากมีการทำงานของเซลล์ในร่างกายที่มีความ ผิดปกติคล้ายคลึงกันกล่าวคือมีการทำงานของเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับการช่วยให้ร่างกายทำปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอมผนังเซลล์ทำงานผิดปกติ ส่งผลถึงการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่เซลล์และการกรองสารที่เซลล์ไม่ต้องการเกิดการทำงานผิดพลาดกระบวนการสร้างออกซิเจนในร่างกายไม่อยู่ในภาวะสมดุล พร้อมกับกลไกการแปลข้อมูลเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และการสั่งการให้ร่างกายทำงานเกิดความผิดพลาด
"ภาวะทั้งหมดนี้ทำให้ขบวน การขับสารพิษออกจากร่างกายทำงานบกพร่องและเกิดการคั่งค้างของสารพิษและโลหะหนัก เช่น สารปรอท และสารตะกั่วในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยมีข้อจำกัดของพัฒนาการการเรียนรู้ และยังทำให้เกิดการแปลความข้อมูลต่างๆ เช่น สีหน้าความรู้สึก ผิดพลาดได้เช่นกัน ดังนั้นการแก้ไขภาวะเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น จึงต้องรักษาให้การทำงาน ของเซลล์กลับสู่ภาวะปกติควบคู่ไปกับการกระตุ้นพัฒนาการและการบำบัดอื่นๆ"



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ