"เป็นมากกว่าโรงพยาบาลทั่วไป" ยุทธศาสตร์ใหม่ "พญาไท"

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556



"พญาไท" เผยยุทธศาสตร์ใหม่ เป็นมากกว่าโรงพยาบาลทั่วไป มุ่งรักษาโรคผ่านศูนย์เฉพาะทาง ในราคาสมเหตุสมผล เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดต้นทุน เน้นดูแลคุณภาพชีวิตบุคลากร พัฒนาค่าตอบแทน ป้องกันสมองไหล
นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้จะมุ่งการทำตลาดภายในประเทศก่อน เนื่องจากมองว่าพื้นที่และทรัพยากรต่างประเทศค่อนข้างจำกัด แต่ด้วยเรามีความพร้อมในเรื่องHealth Destination จึงต้องใช้กลยุทธ์เชิงรุกในเออีซี เพราะเมื่อถึงจุดนั้นจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในประเทศได้ ถือว่ามีต่างชาติมาจีบเราเยอะเหมือนกัน
ทั้งนี้ เราต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้วย หากเข้าไปลงในต่างประเทศ อย่างพม่า แต่คงต้องรอให้ประเทศพม่าลงตัวก่อน ซึ่งทางเครือก็ได้รับการยอมรับค่อนข้างดีในตลาดเออีซี เบื้องต้นในประเทศพม่าจะมีพาร์ตเนอร์ ซึ่งเขาเปิดคลินิกเป็นจำนวนมาก หรืออย่างประเทศจีนก็เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ เพราะมีการเติบโตสูง แต่มีความซับซ้อนทางการเมืองมาก จึงต้องศึกษาให้ดีก่อนที่จะเข้าไปลงทุน โดยตลาดที่มีความน่าสนใจในประเทศจีน จะเป็นตลาดของผู้มีบุตรยาก
"การลงทุนในต่างประเทศ จะเป็นลักษณะของพาร์ตเนอร์มากกว่า โดยพาร์ตเนอร์จะต้องมีโรงพยาบาล หรือคลินิกบริหารอยู่แล้ว แต่ศักยภาพอาจจะจำกัด ซึ่งทางเราจะสูงกว่า จะเป็นการส่งคนไข้ระหว่างกัน แต่สำหรับในเครือพญาไทยังไม่พิจารณา เพราะต้องมีการศึกษารายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมาก เลยจะเน้นฐานในประเทศให้แข็งแกร่งก่อน"
ทั้งนี้ จะมุ่งเน้นเรื่องบุคลากรก่อน โดยจะเน้นการฝึกอบรม และหาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญมาทำกับกลุ่มมากขึ้น ตลอดจนพยาบาลก็ต้องมีการดูแลคุณภาพชีวิต อย่างการปรับฐานเงินเดือน ทำให้ไม่กลัวเรื่องสมองไหล เพราะมีการพัฒนาเรื่องค่าตอบแทนให้แข่งขันได้
ปัจจุบัน สัดส่วนลูกค้าต่างชาติ หากเป็นเครือพญาไท จะอยู่ที่ 4% โดย 10% จะเป็นชาวรัสเซีย รองลงมาก็จะเป็นกัมพูชา พม่า และเวียดนาม ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเป็น 15% และ 2 ปีถัดไปจะเพิ่มเป็น 20-25% ขณะที่ในกลุ่มจะมีสัดส่วน 40%
"ที่ผ่านมาการเข้าไปลงทุนโดยตรงยังไม่มี แต่ถ้าทำกับพาร์ตเนอร์ ทำมาแล้วในประเทศพม่า และลาว แต่จะเป็นในกลุ่มของโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยจะมีหมอไปที่ประเทศพม่าเดือนละ 2 ครั้ง"
รัสเซียถือเป็นอีกตลาดที่มีการเติบโตดี โดยทางเครือพญาไทจะเน้นการรับคนไข้ที่วอล์กอินเข้ามามากกว่า ไม่ได้ออกไปทำการตลาดมากนัก เพื่อควบคุมต้นทุนที่ต่ำ อย่างโรคที่ชาวต่างชาติเข้ามารักษา อาทิ โรคมะเร็ง หรือโรคที่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก ทั้งสมอง ตับ ลำไส้ใหญ่ โดยเราจะดูแลคนไข้แบบยูนีก
"ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพื่อลดต้นทุน เพราะไม่ได้มีการปรับขึ้นราคา"
ทั้งนี้ ด้วยความที่พญาไทเป็นโรงพยาบาลขนาดกลางใจกลางเมืองที่เข้าถึงยาก จึงต้องมีการปรับตัวเองด้วยการมุ่งเน้นการรักษาโรคผ่านศูนย์เฉพาะทางในราคาสมเหตุสมผล เพื่อให้เป็นมากกว่าโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของเรา
ดังนั้น จึงได้มีการลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท ในการสร้างอาคาร 3 ของโรงพยาบาลพญาไท 1 และการพัฒนานวัตกรรมด้านการรักษา รวมถึงการนำเทคโนโลยีการรักษาใหม่ๆ เข้ามาให้บริการ และยังได้มีการปรับโฉมโรงพยาบาลพญาไท 1 ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ "Innovative and Boutique Hospi tal" เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลแห่งนวัตกรรมในราคาที่เหมาะสม และยังถือเป็นการรองรับการเปิดเออีซีอีกด้วย
นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านนวัตกรรมการรักษา การให้บริการ การวิจัย และการพัฒนาการรักษาโรคเฉพาะทาง และโรคที่มีความซับซ้อน
สำหรับงบการลงทุนในเครือพญาไทจะอยู่ที่ 12% ของรายได้ ซึ่งในแต่ละปีจะใช้เงินลงทุนเป็นหลักพันล้านบาท ขึ้นอยู่ว่าจะเป็นการลงทุนในรูปแบบไหน ถ้าเป็นการสร้างโรงพยาบาลใหม่เลยจะต้องมีงบลงทุนอย่างน้อย 1,500 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นการเทกโอเวอร์จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ถ้าพูดในแง่การลงทุนของปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้ว
"เฉพาะตัวอาคารใหม่ จะทำให้สามารถรองรับคนไข้โอพีดีได้เพิ่มขึ้น 50% สำหรับสเต็ปต่อไป จะเป็นการขยาย พื้นที่ในโรงพยาบาล เพื่อรองรับคนไข้ และการเติบโต นอกจากจะต้องมีหมอเก่งๆ แล้ว จะเป็นเรื่องของการบริการ และความรวดเร็ว ที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้มีความแตกต่างกับคู่แข่งที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนด้วยกัน"



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ