นวัตกรรมรักษาเฉพาะบุคคล แนวใหม่บำบัดมะเร็งผิวหนังไฝดำ

วันจันทร์ที่ 08 เมษายน พ.ศ. 2556

นวัตกรรมรักษาเฉพาะบุคคล แนวใหม่บำบัดมะเร็งผิวหนังไฝดำ


"มะเร็งผิวหนัง" คือ การเจริญ เติบโตของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ โดยชนิดของมะเร็งผิวหนังที่มีความรุนแรงมากที่สุดและสามารถกระจายเข้าสู่อวัยวะอื่นๆ ได้รวดเร็ว คือ มะเร็งของเซลล์เม็ดสี ที่เรียกว่า ชนิดแมลิกแนนท์ เมลาโนมา (Malignant Melanoma) หรือชนิดไฝดำ
โดยปัจจุบันอุบัติการณ์ผู้ป่วย โรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำหรือเมลาโนมาทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 160,000 รายต่อปี และร้อยละ 80 ของผู้ป่วยทั้งหมดเป็นชาวยุโรป อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำนี้ประมาณ 340 คนต่อปี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ หน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอุปนายกสมาคม มะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคมะเร็งผิวหนังถือเป็นโรคมะเร็งที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เท่ากับมะเร็งชนิดอื่นๆ และมีการพัฒนาแนวทางการรักษาช้าที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาแนวทางการรักษาผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เริ่มจากหากเป็นในระยะเริ่มแรกก็จะใช้วิธีการผ่าตัดออกให้หมด แต่หากผู้ป่วยเป็นในระยะลุกลามแล้วจะมีการใช้รังสีรักษา หรือเคมีบำบัดร่วมด้วย
"ปัจจุบันผลการรักษายังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจเท่าที่ควร แต่แนวโน้มของการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำหรือเมลาโนมาในอนาคตจะเป็นการรักษาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นโดยการรักษาแบบเฉพาะเจาะจง ก็คือ การตรวจคัดเลือกผู้ป่วยและใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยคนนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งยาที่ได้รับจะสามารถต่อต้านเซลล์มะเร็งได้อย่างเจาะจง ถือได้ว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่สำคัญในการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำหรือเมลาโนมา ที่จะสามารถช่วยยืดอายุผู้ป่วยให้ยาวนานยิ่งขึ้น"
ด้าน ศ.นพ.ชนพ ช่วงโชติ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทย ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการศูนย์จุฬาลงกรณ์ยีนโปร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำหรือเมลาโนมาในระยะลุกลาม ตามแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลนั้น จะต้องตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน BRAF ในก้อนมะเร็งของผู้ป่วย ยีน BRAF สร้างโปรตีนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ของยีนจะส่งผลให้เซลล์มีการเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ และนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ในที่สุด การกลายพันธุ์ของยีน BRAF พบได้ประมาณร้อยละ 25-50 ของโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำ
ทั้งนี้ อัตราการเกิดการกลายพันธุ์นี้จะแตกต่างกันไปในระหว่างเชื้อชาติ การกลายพันธุ์จะเกิดที่ตำแหน่ง V600 ของยีน ผู้ป่วยที่ก้อนมะเร็งมีการกลายพันธุ์ของยีน BRAF เท่านั้นที่จะมีโอกาสตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงในการหยุดยั้งการทำงานที่ผิดปกติของยีน BRAF สำหรับการตรวจหา BRAF V600 Mutation นั้น ปัจจุบันใช้เทคโนโลยี PCR ที่มีความไวในการตรวจพบที่สูง และให้ผลการตรวจในเวลาที่รวดเร็ว จึงกล่าวได้ว่า การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน BRAF มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำหรือเมลาโนมาในระยะลุกลาม โดยช่วยให้แพทย์สามารถพิจารณาเลือกยาและวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดแก่ผู้ป่วย
อย่างไรก็ตาม นับเป็นครั้งแรกของความสำเร็จของโลกในการ จัดการโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำ หรือเมลาโนมา โดยแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalised Healthcare) สำหรับโรคมะเร็งผิวหนังชนิดนี้ เป็นความก้าวหน้าและนวัตกรรมล่าสุดจากฝ่ายค้นคว้าวิจัยยาและฝ่ายการตรวจวินิจฉัยของโรช และยังได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา การที่โรชมีทั้งฝ่ายเภสัชกรรมและฝ่ายการตรวจวินิจฉัยอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน ทำให้โรชมีจุดยืนที่โดดเด่นในการนำแนวดังกล่าวมารักษา
"การรักษาเฉพาะบุคคล นั้นสามารถนำมาใช้ในการรักษาได้จริง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมการตรวจและการรักษาที่จะมีการสั่งจ่ายยาตามผลของการตรวจ ซึ่งแนว ทางใหม่นี้จะช่วยให้การรักษาโรคมะเร็งผิวหนังชนิดไฝดำ หรือเมลาโนมาระยะลุกลาม (Metastatic melanoma) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยผู้ป่วยจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวผู้ป่วยเอง อีกทั้ง เพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับผล การรักษาในระยะยาวที่ดีขึ้น และหลีกเลี่ยงการได้รับผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ" ศ.นพ.ชนพ กล่าวทิ้งท้าย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ