ดอกเตอร์ ยังเกอร์ คลินิก เตรียมงัดกลยุทธ์สร้างการรับรู้แบรนด์ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านจัดเวิร์กช็อป เน้นประชาสัมพันธ์จุดแข็งเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยของคลินิก พร้อมนำนวัตกรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาให้บริการทุกๆ 3 เดือน คาดสิ้นปี 2556 เพิ่มยอดผู้ใช้บริการขึ้นอีก 20% จากยอด 50,000 คน ในปีที่ผ่านมา
น.พ.สว่าง อัมพรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ด็อกเตอร์ ยังเกอร์ คลินิก กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามมีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยหนึ่งคือมีผู้เล่นใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยคือ ผู้คนหันมาใส่ใจด้านความสวยความงามมากขึ้นเช่นกัน
โดยมูลค่าตลาดความงามรวมอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท และมีการเติบโตขึ้นทุกปี ในจำนวนนี้คลินิกผิวหนังมีสัดส่วน 65% หรือประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มแมสและกลุ่มพรีเมี่ยม มีส่วนแบ่งตลาด 60 ต่อ 40 ตามลำดับ
ในปัจจุบันคลินิกกลุ่มแมสมีการเติบโตสูงกว่ากลุ่มพรีเมี่ยม เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นให้ความสนใจในการดูแลผิวพรรณ ซึ่งที่ผ่านมาทางคลินิกได้ทำการสำรวจผู้บริโภคพบว่า แบรนด์ด็อกเตอร์ ยังเกอร์ ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากนัก ในปีนี้คลินิกจึงมีแผนเร่งทำการตลาดและประชาสัมพันธ์รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ของ แบรนด์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
"แต่เดิมนั้นทางคลินิกไม่ได้เน้นการประชาสัมพันธ์ อาศัยเพียงการบอกต่อของลูกค้าและสื่อประชาสัมพันธ์แบบจดหมายเท่านั้น แม้จะมีระบบสมาชิกที่มีสมาชิกกว่า 15,000 คน แต่ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์มากนัก"
สำหรับกลยุทธ์ของคลินิก นายแพทย์สว่างอธิบายว่า ในช่วง 1-2 ปี นับจากนี้คลินิกจะเน้นสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มจากเดิมที่เป็นที่รู้จักเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคระดับบนเท่านั้น สำหรับในปี 2556 นี้วางเป้าไว้ที่การเพิ่มยอดผู้ใช้บริการขึ้นอีก 20% จากยอด 50,000 คนในปีที่ผ่านมา
ด้วยการจัดเวิร์กช็อปสำหรับสมาชิกและนำนวัตกรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาให้บริการทุกๆ 3 เดือน รวมถึงเน้นประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคทราบถึงจุดเด่น ของคลินิกที่เน้นคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่จะเป็น 1 ใน 3 คลินิกที่ผู้บริโภครู้จักมากที่สุดภายในเวลา 3 ปีและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 10% ซึ่งคลินิกได้จัดสรรงบประมาณไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
การเติบโตที่รวดเร็วนี้ แม้จะเป็นผลดีที่ทำให้ตลาด คึกคักและมีมูลค่ามากขึ้น แต่ได้ทำให้เกิดปัญหาตามมาเช่นกัน นั่นคือ คุณภาพของอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ ที่นำมาใช้
"ตลาดความงามนั้นเติบโตเร็ว เพราะผู้สนใจสามารถเข้ามาเป็นผู้เล่นได้ง่าย แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา ซึ่งบางกรณีนำไปสู่ปัญหาคุณภาพ"
นอกจากนี้ ฝ่ายผู้บริโภคเองบางครั้งให้ความ สนใจกับราคาค่าบริการมากเกินไปจนมองข้ามความปลอดภัยของบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตนจะใช้ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดโดยรวมในระยะยาว จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง
"จุดนี้สามารถนับเป็นโอกาสของคลินิก เนื่องจากด็อกเตอร์ ยังเกอร์มีจุดแข็งที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการรวมถึงความปลอดภัย ซึ่งหากทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงจุดนี้จะสามารถดึงดูดให้ผู้บริโภคมาใช้บริการมากขึ้นได้" นายแพทย์สว่าง กล่าวปิดท้าย