Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
คณะแพทย์ชี้ "โรคพาร์กินสัน" พบปัญหาแสดงอาการขณะหลับ
คณะแพทย์ชี้ "โรคพาร์กินสัน" พบปัญหาแสดงอาการขณะหลับ
วันจันทร์ที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2556
Tweet
จากผลการศึกษาล่าสุด ซึ่ง จัดทำโดย ศูนย์พาร์กินสัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาด ไทย ร่วมกับ หน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และหน่วยประสาทวิทยา กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พบผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรือที่คนไทยเรียกว่าโรคสั่นสันนิบาต ร้อยละ 74.3 ประสบปัญหาอาการผิดปกติ ตอนกลางคืนโดยพบอาการที่แสดง ออก ของโรคได้อย่างชัดเจน อาทิ นอนไม่หลับ พลิกตัวไม่ได้ ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน กรนและมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทั้งกับผู้ป่วยเองและผู้ดูแลใกล้ชิด
โรคพาร์กินสันหรือที่คนไทยเรียกว่า โรคสั่นสันนิบาต มีอาการที่แสดงออกของโรคได้อย่างชัดเจน คือภาวะการสั่น ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหว หรือบังคับไม่ให้สั่นได้ ซึ่งมักพบในผู้ป่วยในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป ในอัตราส่วน 1 ต่อ 100 ราย แต่ปัจจุบันพบว่ามีคนทั่วไปอายุ 21-40 ปีทั้งเพศชายและหญิงในสัดส่วนเท่าๆ กัน สามารถมีอาการที่บ่งบอกถึงการเป็นโรคพาร์กินสันได้ เช่น มีอาการนอนละเมอตอนกลางคืนบ่อยๆ ขณะหลับช่วงที่มีการหลับลึก (REM Sleep) การดมกลิ่นไม่ได้ ท้องผูกหรือมีอาการหดหู่อย่างต่อเนื่อง
รศ.นพ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริ หัวหน้าศูนย์พาร์กินสัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โรคพาร์กินสันเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบบ่อย สาเหตุเกิดจากการเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลางที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวบริเวณก้านสมอง ผู้ป่วยพาร์กินสันทุกคนจะเคลื่อนไหวช้า แต่อาการสั่นไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นทุกราย คนส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของอาการช้า และสั่น แต่ปัจจุบันยังพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการท้องผูก แข็งเกร็ง และเดินลำบาก ปัจจุบันอาการพาร์กินสันยังพบในกลุ่มคนอายุประมาณ 20 กว่า ถึง 30 กว่าปี
"ผู้ป่วยที่จะมาหาหมอด้วยอาการแข็ง เคลื่อนไหวช้า แต่ไม่มีอาการสั่น โดยปกติแล้วอาการพาร์กินสันมือและแขนจะติดๆ ขัดๆ ข้างเดียว ขยับยาก ปวดเกร็งๆ ซึ่งอาการสั่นจะพบร้อยละ 70 อาการของโรคพาร์กินสันเมื่ออยู่เฉยๆ มือจะสั่นมาก แต่หากถือของ หรือยกของอาการสั่นจะลดน้อยลง หากสงสัยว่าเป็นโรคพาร์กินสันควรรีบมาพบแพทย์ เพราะผู้ป่วยไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้เอง หากมารักษาก็จะมีอาการดีขึ้น คุณภาพ ชีวิตก็จะดีขึ้น และยังช่วยลดภาระให้กับผู้ดูแลอีกด้วย"
ด้าน น.พ.พาวุฒิ เมฆวิชัย หน่วยประสาทวิทยา กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวต่อถึงการวิจัยเกี่ยวกับโรคดังกล่าวว่า "จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันชาวไทย มีอาการนอนหลับผิดปกติในช่วงกลางคืน ร้อยละ 74.3 หรือ 3 ใน 4 ของคนไข้ทั้งหมด อาการผิดปกติตอนกลางคืนของผู้ป่วยที่พบบ่อยคือ ตัวแข็งเกร็ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพลิกตัวเอง และการนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นอาการที่พบมากถึงร้อยละ 50 ของผู้ป่วยพาร์กินสัน นอกจากนั้นยังมีอาการนอนละเมอ ซึ่งอาจทำร้ายตัวเองหรือผู้ดูแลได้ ผู้ป่วยบางรายมีอาการนอนกรนจนมีภาวะหยุดหายใจ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในระยะยาว และทำให้คุณภาพการนอนไม่ดี การทำงานในช่วงกลางวันจะแย่ตามไปด้วย โรคพาร์กินสันเป็นโรคเรื้อรัง รักษาไม่หายแต่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นผู้ดูแลผู้ป่วยควรหมั่นสังเกตและบันทึกอาการของผู้ป่วยตอนกลางคืนเพื่อที่จะได้อธิบายให้แพทย์ผู้ รักษาได้แนะนำวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับระยะของโรคได้อย่างถูกต้อง"
ส่วนด้าน รศ.พญ.สุวรรณา เศรษฐวัชราวนิช อีกหนึ่งความร่วมมือในการวิจัยจากหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ย้ำทิ้งท้ายว่า อาการพาร์กินสันที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืน ส่งต่อผลคุณภาพชีวิตเพราะการนอนที่แย่ลงก็ส่งผลต่อเนื่องไปถึงช่วงกลางวันทำให้ไม่สดชื่น ทำงานไม่ไหว และทำให้ผู้ดูแลไม่ได้พักผ่อนไปด้วย ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากปริมาณโดปามีนในสมองที่ลดต่ำลงในช่วงกลางคืน ดังนั้นเป้าหมายในการรักษา จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อเพิ่มระดับโดปามีนในสมองให้เพียงพอ เพื่อลดอาการที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการออกกำลังกายซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
"โรคพาร์กินสันถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน แต่สามารถควบคุมอาการ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะอาการผิดปกติตอนกลางคืน ทั้งนี้ การดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยจากคนใกล้ชิดเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากในการรักษา โดยหมั่นสังเกตและแจ้งอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแพทย์เพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับอาการที่เกิดขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วย และ ผู้ดูแล"
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ