Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
สุขภาพ & ความงาม
เตือน!! ไอเรื้อรัง... ระวังวัณโรค คร่าชีวิตคนไทยตายผ่อนส่ง
เตือน!! ไอเรื้อรัง... ระวังวัณโรค คร่าชีวิตคนไทยตายผ่อนส่ง
วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556
Tweet
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกล่าสุดได้จัดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง (High TB burden countries) โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก และคาดว่าสถานการณ์วัณโรคของประเทศไทย น่าจะมีผู้ป่วยวัณโรคทุกชนิดทั้งรายเก่าและใหม่ประมาณ 110,000 ราย หรือ 161 คนต่อประชากร 100,000 คน ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้น ประมาณ 86,000 รายต่อปี หรือ 124 คนต่อจำนวนประชากร 100,000 คน และมีอัตราการตายอยู่ที่อัตราส่วน 14 คนต่อประชากร 100,000 คน หรือประมาณ 9,800 ราย
จะเห็นว่าจำนวนของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวัณโรคมากนัก จึงไม่ค่อยตื่นตัวดูแลสุขภาพป้องกัน และเมื่อมีอาการก็ไม่รีบรักษาและไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นวัณโรค ทำให้สามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนรอบข้างได้อย่างรวดเร็ว
น.พ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า วัณโรคเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับนานาชาติมาเป็นเวลายาวนาน ปัจจุบันทั่วโลกยังมีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากวัณโรคเป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องหยุดยั้งเนื่องจากมีผลกระทบต่อความสูญเสียต่อภาวะสังคมเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยสาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยวัณโรคไม่ลดลงเพราะความยากจน แรงงานเคลื่อนย้าย แรงงานต่างชาติ สิ่งแวดล้อมที่แออัด ที่เอื้อต่อการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค และผลกระทบจากการระบาดของโรคเอดส์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ป่วยวัณโรคมีมากขึ้น อัตราตายสูงและมีปัญหาเชื้อดื้อยาวัณโรคเพิ่มขึ้น
"เชื้อวัณโรคสามารถแพร่กระจายออกจากร่างกายของผู้ป่วยทางเสมหะหรือน้ำลายจากการไอหรือจาม ที่สำคัญเชื้อนี้มีความคงทนต่อความแห้งและสามารถแขวนลอยอยู่กับฝุ่นละอองได้นานและเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ก็จะเข้าไปตามอวัยวะต่างๆ ทำให้เป็นวัณโรคได้ทุกที่ แต่ที่พบมากที่สุดคือวัณโรคปอด ซึ่งจะมีอาการไอเรื้อรัง มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์อาจมีอาการไอปนเลือด หรือถ้าหากไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุควรพบแพทย์ทันที"
สำหรับเชื้อวัณโรคที่เป็นเชื้อแบคทีเรีย Tubercle bacillus ที่ชอบออกซิเจน มันต้องการออกซิเจนสูงในการเจริญเติบโต ดังนั้นในเนื้อปอดที่เป็นที่รับเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายของเราจึงเป็นที่ที่เชื้อวัณโรคชอบเป็นพิเศษ และที่ที่มีออกซิเจนเข้มข้นที่สุดในเนื้อปอดก็คือ ยอดของปอดทั้งสองข้าง ดังนั้นเราจึงพบรอยโรคของวัณโรคปอดเกิดที่ยอดของปอดเป็นส่วนมาก
ทั้งนี้ ในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการอะไรที่เป็นที่น่าสังเกตเด่นชัด บางครั้งเราเอกซเรย์พบรอยแผลในปอดก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการเสียด้วยซ้ำไป และอาการไข้มักจะเกิดขึ้นในระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อไข้ที่เป็นก็เป็นไข้ต่ำๆ ไข้ขึ้นเป็นเวลา เช่น เวลากลางคืนอุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มขึ้นในโรคนี้ไม่มาก ดังนั้นบางคนก็ไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำไปว่ามีไข้ อาจจะรู้สึกเพียงเหงื่อออกมากเวลากลางคืนเท่านั้น ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบได้ก็คืออาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ร่างกายผอมลง มีไม่น้อยที่ผู้ป่วยยังคงมีน้ำหนักคงเดิม นอกจากนี้ ก็มีอาการไอ ซึ่งผู้ป่วยมักจะเข้าใจว่าเป็นอาการไอที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาเพราะสูบบุหรี่ เสมหะที่ออกมาไม่มีกลิ่น สีออกเขียวหรือเหลือง อาการไอเป็นเลือดในระยะแรกอาจจะเป็นเพียงเลือดที่ออกปนมากับเสมหะเป็นสายๆ เท่านั้นเอง เมื่อเกิดโพรงในปอดจึงจะมีเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ
"การป้องกันวัณโรคนั้น คือการให้ภูมิคุ้มกันบีซีจี ซึ่งก็ได้ทำกันตั้งแต่แรกเกิด และเพื่อเป็นการยับยั้งวงจรของเชื้อวัณโรคควรยึดหลัก 5 ข้อ ที่ควรปฏิบัติดังนี้ 1.ถ้ามีอาการผิดปกติที่น่าสงสัยว่าเป็นวัณโรค ควรรีบไปเอกซเรย์ปอด และตรวจเสมหะ 2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ 3.หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เช่น ควรหลีกเลี่ยงหรือเข้าไปในสถานที่แออัด อากาศอับ เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค 4.หมั่นตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ 5.ในเด็กควรได้รับการฉีดวัคซีนบีซีจี"
น.พ.พรเทพ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันวัณโรคเป็นโรคที่รักษาหายขาดได้ แต่ว่าต้องอาศัยการกินยาที่ยาวนานกว่าการรักษาโรคอื่นๆ หากเป็นโรคนี้ขึ้นมาไม่ควรท้อแท้ ควรไปรับการรักษาตามเวลาที่แพทย์นัด สำหรับยาวัณโรคในปัจจุบันหลักๆ จะมีอยู่ 4 ชนิดคือ Isoniazid, Rifampicin, pyrazinamide และ Ethambutol ซึ่งยาที่กล่าวมาในข้างต้นนี้มีผลข้างเคียงของยาทุกตัว จึงต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ ถ้าซื้อหรือหามารับประทานเองอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ