ขึ้นชื่อว่า "โรคมะเร็ง" ทุกคนคงทราบดีว่าเป็นโรคน่ากลัวที่สุดอีกโรคหนึ่ง โดยปัจจุบันมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโลก ในปี พ.ศ.2551 องค์การอนามัยโลกรายงานทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการตรวจวินิจฉัย 12.7 ล้านราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 7.6 ล้านราย ส่วนในปีพ.ศ.2573 หรืออีก 17 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยใหม่ 21.3 ล้านคน และจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 13 ล้านคน
สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ติดต่อกันหลายสิบปี ล่าสุดในปีพ.ศ.2554 มีผู้เสียชีวิต 61,082 ราย เฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 7 ราย เป็นชาย 35,437 ราย และหญิง 25,645 ราย นอกจากนั้น องค์การอนามัยโลกคาดมีผู้ป่วยรายใหม่ เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 118,600 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมะเร็งที่ผู้ชายป่วยมากที่สุด ได้แก่ มะเร็งตับ ปอด ลำไส้และทวารหนัก ต่อมลูกหมากและมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนในผู้หญิง ได้แก่ มะเร็งเต้านม ตับ ปากมดลูก ปอด ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
โดยองค์การอนามัยโลกได้บอกว่า หากทุกประเทศมีมาตรการ หรือแผนการป้องกันและควบคุมโรคที่ให้ผลอย่างมีประสิทธิภาพอาจจะป้องกันการเสียชีวิตของประชากรโลกได้ประมาณ 600,000 คนต่อเดือน เนื่องจากโรคมะเร็งบางส่วนสามารถป้องกันได้และรักษาได้
และความใส่ใจ มั่นใจในการรักษาโรคมะเร็งของโรงพยาบาล พญาไท 1 ที่ได้ตระหนักถึงการรักษาโรคมะเร็งให้ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดทีมแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษาโรคมะเร็งแบบบูรณาการ (MDT Team - Multi Disciplinary care Team) เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามความคาดหวังของผู้ป่วยโรคมะเร็งแต่ละราย โดยมีจุดเด่นในการรวบรวมแพทย์ทุกสหสาขาวิชาต่างๆ ด้านโรคมะเร็ง มาร่วมวางแผน วิเคราะห์แนวทางการรักษา และแนวทางในการปฏิบัติ ตามความต้องการของผู้ป่วย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด พร้อมทั้งการดูแลหลังการรักษา และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว เสมือนส่วนหนึ่งของครอบครัว
ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ประธานคณะกรรมการร่วมเพื่อการรักษาโรคมะเร็งแบบบูรณาการ ร.พ.พญาไท 1 กล่าวว่า เดิมทีการรักษาโรคมะเร็งจะอยู่ในความดูแลของแพทย์เจ้าของไข้เพียงท่านเดียว แพทย์คนดังกล่าวจะเป็นทั้งผู้ตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย วางแผน และลงมือรักษา แต่ที่โรงพยาบาลพญาไท 1 เลือกใช้ รูปแบบการรักษาที่มีประสิทธิภาพดีที่ยิ่งกว่า นั่นคือ "การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง หรือ Multidis ciplinary Care Team" มักเรียกสั้นๆ ว่า MDT Team เป็น การรักษามะเร็งแบบบูรณาการ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขาทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันวินิจฉัย และตัดสินใจเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะสมเฉพาะตัวผู้ป่วยแต่ละราย
ปัจจุบันเทคโนโลยีในการรักษามะเร็งมีความก้าวหน้าไปมาก จนเกินกว่าจะใช้แพทย์ผู้ชำนาญเพียงท่านเดียวทำการรักษาได้อย่าง ดีที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ MDT Team จึงเกิดขึ้น และประกอบไปด้วยประธานคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการทีมแพทย์ ตามด้วยอายุรแพทย์ด้านโรคมะเร็ง เป็นผู้ให้การรักษาทางยา และใช้เทคโนโลยีของการรักษาที่ทันสมัย มีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคมะเร็ง และนรีแพทย์ด้านโรคมะเร็ง (กรณีผู้ป่วยมะเร็งในสตรี) มาทำหน้าที่ผ่าตัด ทั้งแบบลงมีดเปิดแผล หรือผ่าตัดผ่านกล้องส่อง ในอวัยวะแบบแผลเล็ก ยังมีพยาธิแพทย์ ทำหน้าที่ตรวจและวิเคราะห์ชิ้นเนื้อ มีรังสีแพทย์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยภาพ รังสี เพื่อบอกขนาด ตำแหน่ง ระยะของมะเร็ง มีแพทย์รังสีรักษา เพื่อวาง แผนการรักษาทางรังสีหรือการฉายรังสี ฉายแสง ให้ผู้ป่วยได้ประโยชน์มากที่สุด แต่ผลข้างเคียงจากการฉายรังสีต้องเกิดขึ้นน้อยที่สุด ร่วมด้วยวิสัญญีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการระงับปวด คอยช่วยลดอาการเจ็บปวดทั้งจากการรักษาหรือจากธรรมชาติของตัวโรค
นอกจากนี้ ยังมีแพทย์ด้านโภชนาการ นักโภชนบำบัด พยาบาลรายกรณีซึ่งเชี่ยวชาญการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง นักจิตวิทยา นักกายภาพบำบัด เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านยารักษามะเร็ง และแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมหรือยีน เพื่อการดูแลครอบครัวของผู้ป่วย มะเร็งที่มีโอกาสถ่ายทอดทางพันธุกรรม รวมอยู่ใน MDT Team ด้วย โดยในปีนี้ทางร.พ.ได้ปรับรูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งโดยใช้ MDT Team ผลปรากฏว่า ทีมแพทย์สามารถกำหนดแผนการรักษาเฉพาะตัวให้กับผู้ป่วยมะเร็ง ตลอดจนสร้างผลลัพธ์และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยได้
"MDT Team นั้นจะรักษาผู้ป่วยให้ได้ประสบความสำเร็จนั้น ทีมแพทย์จะนำผลตรวจมาอภิปรายร่วมกันในที่ประชุม เพื่อช่วยกันวิเคราะห์ วินิจฉัยถึงผลดีผลเสีย คุณภาพชีวิต ผลที่จะได้จากการรักษา ความคาดหวังของผู้ป่วย รวมทั้งสภาวะทางพันธุกรรมของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ (ประวัติการป่วยมะเร็งของคนในครอบครัว) ผลลัพธ์สุดท้ายจะได้เป็นแผนการรักษาเฉพาะตัวที่เหมาะสมกับผู้ป่วยที่สุด ดังนั้น เมื่อผ่านการหารือที่รอบด้านและครอบคลุม ผู้ป่วยหลายรายอาจไม่ต้องเริ่มต้นการรักษามะเร็งด้วยวิธีผ่าตัดใหญ่ แต่อาจเริ่มด้วยวิธีอื่น เช่น การใช้วัคซีน ฮอร์โมน ยามุ่งเป้าที่ออกฤทธิ์เฉพาะเนื้อร้าย ซึ่งอาจให้ผลดีกว่าการผ่าตัด"
ทั้งนี้ การรักษามะเร็งแบบบูรณาการตามรูปแบบข้างต้นนั้น เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในศูนย์การรักษาโรคมะเร็งชั้นนำในยุโรปและอเมริกา แถมยังมีงานวิจัยของ Abdulrahman Jr. แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยคาร์ดีฟฟ์ ประเทศอังกฤษ ระบุว่า การวางแผนการรักษาโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญมีความแน่นอน ช่วยให้คุณภาพการรักษาผู้ป่วยดีขึ้น อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง