เทคโนโลยีเลเซอร์หน้าใส เป็นโปรแกรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็นปัญหารอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ หรือแม้แต่หลุมสิวที่คอยกวนใจ อย่างไรก็ตาม การจะเลือกทำเลเซอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั้น เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีแต่ละชนิดมีจุดเด่นและข้อจำกัดอย่างไร เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปและปลอดภัย เหมาะกับปัญหาผิวหน้าของเรามากที่สุด วันนี้เราได้นำข้อมูลที่ The Loft Clinic เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์หน้าใสไว้ มาเป็นข้อมูล เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจกัน
โปรแกรม Discovery Pico
โปรแกรม Discovery Pico คือเลเซอร์ในกลุ่ม Picosecond Laser ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำลายเม็ดสีโดยเฉพาะ โดยการปล่อยพลังงานเลเซอร์ด้วยความเร็วสูงถึงระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ซึ่งเร็วกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า ๆ พลังงานที่ส่งลงไปเข้าไปทำให้เม็ดสีที่ผิดปกติแตกตัวออกเป็นอณูขนาดเล็ก เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดออกไปได้เองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีโหมดการยิงที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและรูขุมขนกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดี
สามารถทำลายเม็ดสีให้กลายเป็นละอองฝุ่น ทำให้รอยดำ ฝ้า และกระ จางลงได้เร็วกว่าเลเซอร์ระบบเดิม
ฟื้นฟูผิวแบบ Multi-function ไม่เพียงแต่จัดการรอยดำ แต่ยังช่วยรักษาหลุมสิวตื้น ๆ กระชับรูขุมขน และปรับผิวให้กระจ่างใส
เจ็บน้อยเนื่องจากปล่อยพลังงานไวมาก ทำให้ความร้อนไม่สะสมใต้ผิวหนังนานเกินไป ลดความเสี่ยงต่อผิวไหม้
ข้อเสีย
ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ค่าบริการจึงมักจะสูงกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น
ผลข้างเคียงหลังทำ อาจเกิดรอยแดงประมาณ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับค่าพลังงานที่ใช้
โปรแกรม Vbeam Perfecta
หากคุณมีปัญหาผิวหน้าที่เป็นรอยแดง โปรแกรม Vbeam Perfecta คือคำตอบที่ที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด เพราะโปรแกรม Vbeam Perfecta จะปล่อยพลังงานแสงสีเหลืองที่ความยาวคลื่น 595 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่มีความจำเพาะเจาะจงสูงในการจับกับเม็ดเลือดแดงในเส้นเลือด พลังงานจะเข้าไปทำลายเส้นเลือดที่ผิดปกติโดยไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง จึงเหมาะกับการรักษารอยแดงสิว ปานแดง และเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า
ข้อดี
เป็นเลเซอร์ที่ที่เหมาะกับการรักษารอยแดงบนผิว
ลดอาการอักเสบของสิวได้ทันทีหลังทำ ทำให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น
มีระบบทำความเย็น ตัวเครื่องมีระบบ Dynamic Cooling Device (DCD) พ่นสเปรย์ความเย็นปกป้องผิวชั้นบน ทำให้รู้สึกสบายผิวขณะทำและลดผลข้างเคียงหลังทำ
ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำผิวอาจจะดูชมพูขึ้นเล็กน้อยแต่สามารถใช้ชีวิตตามปกติหรือแต่งหน้าได้ทันที
ข้อเสีย
เน้นเฉพาะจุด ไม่ได้ช่วยเรื่องรอยดำหรือฝ้ากระที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน
ต้องทำต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาเส้นเลือดฝอยหรือปานแดงที่ชัดเจน อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง
โปรแกรม Fractional Microneedling RF
Fractional Microneedling RF คือเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวที่ผสานพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เข้ากับหัวเข็มขนาดเล็กจำนวนมาก ส่งผ่านพลังงานความร้อนลงลึกสู่ชั้นหนังแท้อย่างแม่นยำ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ กระบวนการนี้ช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น กระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย และยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย โดยไม่ทำลายผิวชั้นบนมากนัก จึงเกิดผลข้างเคียงน้อยและฟื้นตัวไวกว่าเลเซอร์แบบเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ต้องการปรับผิวหน้าให้กระจ่างใสขึ้น
ข้อดี
ฟื้นฟูผิวชั้นลึก ถึงชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน
แก้ปัญหาได้ครอบคลุม ทั้งหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย และช่วยยกกระชับผิวในขั้นตอนเดียว
ผลข้างเคียงน้อย ทำลายผิวชั้นบนน้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น ลดความเสี่ยงการเกิดรอยดำหลังทำ
ครอบคลุมทุกสีผิว สามารถทำได้ปลอดภัยกับทุกระดับสีผิว ไม่เสี่ยงต่อการผิวไหม้
สามารถปรับความลึกของเข็มให้เหมาะสมกับปัญหาผิวแต่ละจุดได้
ข้อเสีย
อาจมีความรู้สึกเจ็บได้บ้างเนื่องจากการใช้เข็ม
อาจมีรอยแดงหรือสะเก็ดเล็ก ๆ หลังทำ ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นผิวประมาณ 3-5 วัน
มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับทรีตเมนต์ทั่วไป
โปรแกรม Q-switch Laser
Q-switch Laser เป็นโปรแกรมเลเซอร์หน้าใสที่มีมานานและยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำงานโดยการปล่อยพลังงานในช่วงสั้น ๆ ระดับนาโนวินาที เพื่อจับกับเม็ดสีในชั้นผิวให้แตกตัวออก มักมี 2 ช่วงความยาวคลื่น คือ 532 นาโนเมตร (ผิวชั้นตื้น) และ 1,064 นาโนเมตร (ผิวชั้นลึก) ทำให้สามารถปรับใช้ได้ครอบคลุมทั้งรอยดำ ฝ้า และการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ข้อดี
เป็นโปรแกรมเลเซอร์ที่มีให้บริการแพร่หลาย ทำให้มีราคาไม่สูงมาก
ปรับใช้ได้หลากหลาย แพทย์สามารถเลือกใช้ความยาวคลื่นที่เหมาะสมกับระดับความลึกของเม็ดสีแต่ละคนได้
หากใช้พลังงานในระดับที่เหมาะสม จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูขาวสว่างและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น
ข้อเสีย
หากใช้ค่าพลังงานไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำเลเซอร์ (PIH) หรือรอยด่างขาว (Hypopigmentation) ได้
ต้องทำหลายครั้ง เห็นผลค่อนข้างช้ากว่าโปรแกรม Pico Laser และอาจรู้สึกเจ็บเหมือนมีหนังยางดีดขณะทำ
โปรแกรม Red Touch Pro
โปรแกรม Red Touch Pro คือเทคโนโลยีเลเซอร์แสงสีแดงความยาวคลื่น 675 nm ที่จะเข้าไปจับกับคอลลาเจนใต้ผิวโดยตรง โดยไม่ผ่านน้ำในผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่ผิวชั้นบน ส่งผลให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย รูขุมขน และรอยแผลเป็น อีกทั้งยังช่วยลดรอยแดงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เป็นเลเซอร์หน้าใสที่ทั้งอ่อนโยน ไม่เจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
ข้อดี
ไม่เจ็บและไม่ต้องพักฟื้น และสามารถแต่งหน้าใช้ชีวิตต่อได้ทันที
เป็นเลเซอร์ชนิดเดียวที่ส่งพลังงานจับกับคอลลาเจนโดยตรง ช่วยให้ผิวแน่นฟูและยืดหยุ่นขึ้น
ช่วยลดเลือนริ้วรอย หลุมสิว พร้อมกับลดรอยแดง รอยดำ และฝ้ากระ
ปลอดภัยและเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบางแพ้ง่าย
ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้หรือหน้าบางลง
ข้อเสีย
ไม่เหมาะกับการแก้ปัญหาหลุมสิวลึก เพราะอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล หรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่ากับเลเซอร์กลุ่มอื่น ๆ
ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ยาวนาน
สรุปบทความ
การเลือกทำเลเซอร์หน้าใสให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่เลือกเครื่องที่แพงที่สุด แต่คือการเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเราได้อย่างตรงจุด อยากรู้ว่าปัญหาผิวของคุณเหมาะกับเลเซอร์ตัวไหน? ลองทักมาปรึกษาคุณหมอที่ The Loft Clinic เพื่อประเมินผิวเบื้องต้นได้เลย
/////////////////////////////////////////////
ภาพประกอบ : Content No.1