เจาะลึกคน “Gen Y” ค้นหางานที่ใช่อย่างไรให้ยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

เจาะลึกคน “Gen Y” ค้นหางานที่ใช่อย่างไรให้ยั่งยืน


มีโอกาสได้ดูไวรัลคลิป “การแต่งงาน..ครั้งสุดท้าย” จากไอเดียของ SCG มันสะกิดใจ และกระตุกต่อมคิดคนทำงานยุคนี้ได้ชัดเจนจริงๆ หลายคนคงนึกเหมือนกันว่าช่างตรงกับชีวิตตัวเอง เพราะไม่ว่าจะ “แต่งงาน” หรือ “แต่ง กับ งาน” หากเจอคนที่ไม่ใช่ มันก็เหนื่อยใจไม่น้อยไปกว่ากัน เกิดคำถามตามมาว่า แล้วเมื่อไรจะไม่ต้องเลิกรา เปลี่ยนงาน เหมือนเปลี่ยนคู่ชีวิตบ่อยครั้ง อะไรคือคีย์เวิร์ดสำคัญที่ทำให้รักยืนยง สมใจหมายทั้งสองฝ่าย แล้วคู่ชีวิตอีกฝ่าย หรือตัวองค์กรเองต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อเตรียมรับเทรนด์คนเจเนอเรชั่นวายหลั่งไหลเข้าสู่โลกการทำงานในศตวรรษที่ 21
 

“งานที่ใช่” = “งานที่เห็นคุณค่าของคน”
            คีย์แมสเซสที่คลิป “การแต่งงาน..ครั้งสุดท้าย” ต้องการสื่อให้สังคมโดยเฉพาะ ‘ว่าที่คนทำงาน’ ตระหนักถึงมุมมองการทำงานว่าเปรียบเสมือนช่วงเวลาสำคัญของชีวิต ซึ่งไม่แตกต่างจากการเลือกคู่ครองที่ ‘ใช่’  และเข้าใจในความเป็นตัวตนของกันและกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการมองเห็น “คุณค่าของกันและกัน” รวมถึงการเปิดใจ ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกและความปรารถนาของตัวเอง พร้อมสื่อให้ทุกคนฉุกคิดถึงการเลือกสรรองค์กรที่สามารถตอบโจทย์ที่ตนเองต้องการได้ เพื่อความสุขในการทำงาน เติบโตและก้าวหน้าไปพร้อมกัน ทั้งยังหวังให้องค์กรอื่น ๆ ได้เรียนรู้ถึงสถานการณ์ตลาดแรงงานและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้

หากถามถึงเหตุผลของการตัดสินใจทำงานที่ใดสักแห่ง ย่อมมีคำตอบเป็นร้อยเป็นพันแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะองค์กรแห่งนั้นเปิดโอกาสให้ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ ภาคภูมิใจกับตัวเอง มีขอบเขตการทำงานที่ชัดเจน สวัสดิการดี มีผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ มีเวทีให้ได้ลองทำโปรเจกต์หรือคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เปิดทางให้ได้ลองทำงานในแผนกอื่นที่ท้าทายขึ้น ให้โอกาสรับทุนศึกษาต่อต่างประเทศ หรือแม้แต่เหตุผลส่วนตัวที่ชื่นชอบองค์กรสัญชาติไทยแท้ เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่คนทำงานต้องคำนึงถึงก็คือ การสร้างคุณค่าตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ

ปอนด์ - ศรันย์ ว่องวิชชกร วิศวกรควบคุมคุณภาพและวางแผนการผลิต บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ในเครือเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า “อย่ามองเพียงว่าเราจะได้อะไรจากบริษัท แต่อยากให้มองว่าบริษัทจะได้อะไรจากเรามากกว่า” เช่นเดียวกับ ท็อป-ลักษณ์ประไพ อยู่วัฒนา Assistant HR Manager เอสซีจี เคมิคอลส์ ที่ให้ความเห็นว่า “คนทำงานเองต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา และพยายามปรับตัวเองให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยการเปิดใจและเข้าใจเพื่อลดความขัดแย้งทางความคิดและช่วงวัย” 

*** สตาร์ทอัพ อยู่ที่ไหนก็ได้
ต้องยอมรับว่ากระแส Startup หรือความมุ่งมั่นจะเป็นผู้ประกอบการถูกปลูกฝังเข้าไปในดีเอ็นเอของคนยุคนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะคนเจเนอเรชั่นวาย พวกเขามีทางเลือกมากมายที่จะสร้างโลกการทำงานในฝันแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือนเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่แล้วทำไมยังต้องค้นหาองค์กรที่ใช่ เพื่อเข้าไปทำงานที่ตรงใจบ้างหรือไม่ตรงใจบ้างอยู่อีก
แน่น - ภูมิพงษ์ ตันเจริญผล Assistant Digital Fund Manager เอสซีจี ให้ความเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการหรือพนักงานองค์กร การมี ‘หัวใจ’ เป็นสตาร์ทอัพต่างหากที่สำคัญ คนทำงานทุกคนต้องมีความคิดแบบผู้ประกอบการ เสมือนตัวเองเป็นเจ้าของกิจการนั้นเอง เพื่อผลักดันให้ความมุ่งมั่น กระตือรือร้น ทะเยอทะยาน เป็นตัวสร้างการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมใหม่ไม่รู้จบ แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การใช้หัวใจสตาร์ทอัพทำงานในองค์กรอาจมีข้อดีที่มากกว่า เพราะไอเดียของตัวเอง บวกกับมีคนช่วยกันวิเคราะห์ แก้ปัญหาและร่วมปรึกษา อาจสร้างผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่าและเห็นผลได้เร็วกว่านั่นเอง หลายคนมีโอกาสเปลี่ยน ‘ผลงาน’ ที่ทำให้กับองค์กรไปเป็น ‘ธุรกิจ’ ได้จริง เช่นเดียวกับ โอ๋-อุษา แก้วพิทักษ์คุณ Account Executive-High Definition Product บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ในเครือ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง กล่าวว่า คนทำงานไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเป็นผู้ประกอบการทั้งที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ จะดีกว่าไหมหากเรานำความรู้ที่ได้จากองค์กรไปต่อยอดธุรกิจที่ตนเองสนใจมากกว่า

*** เหตุผลองค์กรโฟกัส Gen Y
ในขณะที่ฝ่ายคนทำงานพยายามมองหางานที่ใช่ ตัวองค์กรเองก็ต้องปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของบุคลากรด้วย...ยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี เผยว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือยุคที่คน Gen Y จะเข้ามาสู่ภาคธุรกิจและตลาดแรงงานมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน 30% ของคนทำงานคือคนเจเนอเรชั่นวาย และคาดการณ์อีก 5 ปีจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 40% และอนาคตก็จะเต็มไปด้วยคน Gen Y ในองค์กร ซึ่งคุณลักษณะที่โดดเด่นของพวกเขาคือศักยภาพและความแตกต่าง สามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการทำงานได้ง่าย ใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีจึงปรับตัวได้เร็ว และมีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี เปิดรับความคิดเห็นต่างและสนุกกับการได้ท้าทายสิ่งใหม่
เมื่อสถานการณ์คน Gen Y มีอิทธิพลต่อตลาดแรงงาน

กิติ มาดิลกโกวิท ผู้อำนวยการสำนักงานการบุคคลกลาง เอสซีจี ให้ความเห็นว่า สิ่งที่องค์กรต้องทำคือการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงาน ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรบางอย่างให้เหมาะสม กระบวนการบังคับบัญชาที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป มุ่งเน้นการเป็นที่ปรึกษาหรือโค้ชมากกว่าชี้นิ้วสั่ง ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือในการทำงาน และปรับกฎระเบียบให้ยืดหยุ่นและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของ Gen Y มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องเพิ่มเติมจากคนทำงานถึงการเลื่อนตำแหน่งว่าควรวัดกันที่ผลงานมากกว่าวัยวุฒิ เปิดโอกาสให้บุคลากรได้ท้าทายตัวเอง ได้ทำสิ่งใหม่ หรือควรเปิดช่องให้พนักงานที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับลูกค้าโดยตรงได้มีโอกาสรับรู้ความต้องการแท้จริงของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนางานของตัวเองให้ดีขึ้น ตอบโจทย์ได้มากขึ้น และหากเป็นองค์กรใหญ่ที่มีหลายหน่วยงาน องค์กรเองก็ควรสร้างคุณค่าให้ทุกหน่วยงานมีความทัดเทียมกัน มีจุดแข็งที่ทำให้ทุกคนอยากมาร่วมงานโดยปรับการจัดการ  คัดกรอง Identify ที่เหมาะสมกับหน่วยงาน สร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกัน

“เหตุผลที่องค์กร ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ใช่เพียงโฟกัสแค่คน Gen Y เท่านั้น แต่ในอนาคตก็จะมี Gen Z, Gen Me และอื่นๆ อีกทั้งความคาดหวังของคนก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ขององค์กร มีความชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามปรับองค์กรเพื่อให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าที่ตรงกันทั้งตัวพนักงานเองและองค์กรด้วยนั่นเอง” 




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ