ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดราว 30,000 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 4 คน คนจำนวนมากที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ อาจเนื่องมาจากการรู้ไม่เท่าทันจึงไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง เพราะโรคหัวใจบางชนิดก็มิได้มีอาการแสดงที่ชัดเจน และบางครั้งก็ไม่สามารถตรวจพบได้ ถ้าไม่ได้รับการตรวจโดยละเอียด เหมือนอย่างเช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial Fibrillation ที่จำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและใช้ระยะเวลาการรักษาที่ยาวนาน จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ กระจายอยู่ตามโรงพยาบาลของรัฐบาลหลายแห่งทั่วประเทศ
ล่าสุดนี้ มูลนิธิเวชดุสิตในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์และโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ เปิดตัว "โครงการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial Fibrill ation เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ"
น.พ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการการแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ขอแบ่งเบาภาระจากภาครัฐในเรื่องจำนวนผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial Fibrillation (ภาวะหัวใจเต้นพริ้ว) ให้ได้เข้ารับการรักษาด้วยอุปกรณ์และการจี้ด้วยพลังงานความร้อนที่จุดกำเนิดความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึง 5 ธันวาคม พ.ศ.2556 โดยจะคัดเลือกผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด Atrial Fibrillation เพื่อรับการรักษาในโครงการฯ
ด้าน ศ.นพ.กุลวี เนตรมณี อายุรแพทย์ด้านการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ในฐานะประธานสถาบันวิจัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ แปซิฟิก ริม โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ คือภาวะที่หัวใจมีลักษณะการเต้นที่แปลกไปจากปกติ หัวใจของคนเราจะมีอัตราการเต้นอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที ซึ่งการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ อาจทำให้เกิดการเป็นลมหมดสติ ล้มศีรษะกระแทก
"ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial Fibrillation หรือหัวใจเต้นพริ้ว เป็นอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยมากแม้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่อาจนำมาซึ่งภาวะรุนแรงมากขึ้น เช่น เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติชนิดอื่น อ่อนเพลีย เรื้อรัง อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจล้มเหลว อาการของภาวะหัวใจเต้นพริ้ว มักจะเกิดในหัวใจห้องบน ทั้งซ้ายและขวา ซึ่งเกิดเต้นเร็วมาก ไม่สม่ำเสมอ สูบฉีดเลือดออกไปได้ไม่ดี ทำให้ร่างกายส่วนอื่นขาดอาหารและออกซิเจน ทำนองเดียวกันเลือดที่เหลือตกค้างในหัวใจห้องบนจะแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดและอาจหลุดเข้าไปในระบบไหลเวียนของเลือดไปสู่สมองทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต"
ทั้งนี้ สาเหตุของโรคมาจากการนำไฟฟ้าผิดปกติด้วยหลายสาเหตุ คือ 1.โรคหัวใจ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหลอดเลือด หัวใจ โรคลิ้นหัวใจ หัวใจห้องล่างโตเกินปกติ 2.ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์ เบาหวาน หลอดเลือดแข็งตัว 3.การผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดลิ้นหัวใจ ผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ 4.ความเครียด อ่อนล้า ดื่มสุราจัด ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สูบบุหรี่ 5.เกิดการอุดกั้นทำให้หยุดหายใจขณะหลับ
สำหรับการสังเกตอาการของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดนี้นั้น จะพบอาการใจสั่นอย่างทันทีทันใด หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ, หัวใจหยุดเต้นตามด้วยเกิดเสียงตุ้บแล้วเต้นเร็ว, หัวใจเต้นเร็ว, แน่นหรือเจ็บหน้าอกและลำคอ, อ่อนเพลียและออกกำลังลำบาก เช่น ขณะเดินหรือขึ้นบันได, เหงื่อออก มึนงง หายใจลำบาก เป็นลมหมดสติ ซึ่งอาจเป็นๆ หายๆ หรือเป็นต่อเนื่อง (เรื้อรัง) ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนไม่แสดงอาการ แต่คนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ มักมีอาการชัดเจน ทำให้ไม่สบาย ตกใจกลัว และมีอาการต่างๆ ร่วมกันดังกล่าวข้างต้น
อย่างไรก็ตาม การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด Atrial Fibrillation โดยการจี้ด้วยพลังงานความร้อนเท่าคลื่นวิทยุ เป็นเทคนิคที่ น.พ.กุลวี เป็นผู้ริเริ่ม โดยการใช้สายสวน พิเศษ ตรวจหาตำแหน่งคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ซับซ้อน และแสดงเป็น ภาพ 3 มิติ โดยระบบแสดงภาพของ CARTO และจี้ด้วยพลังงานความร้อนทำลายวงจรไฟฟ้าหัวใจที่ผิดปกติ เป็นเทคโนโลยีซึ่งโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพใช้รักษาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา วิธีนี้ลดการเสี่ยงรังสี ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว อัตราการหายสูง ผู้ป่วยไม่ต้องรับประทานยาควบคุมอาการและยาต้านการเกิดลิ่มเลือดตลอดชีวิต