นางสาวชลลดา ทรงลำเจียก กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮนด์ซั่ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านบริหารและจัดหาศิลปินครบวงจร กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 โดยดำเนินงานภายใต้ บริษัท แฮนด์ซั่ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ขยายสาขามาเปิดที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจจัดหาศิลปินและธุรกิจบันเทิงจากประเทศไทยเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน ที่ได้การยอมรับว่าเป็นธุรกิจบันเทิงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และกำลังมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องในตลาดบันเทิงของโลก โดยการขยายสาขาในครั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 4 ถัดจากฮ่องกง ไต้หวัน และจีน
"ธุรกิจบันเทิงในประเทศจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ มีเม็ดเงินหมุนเวียนที่เกิดขึ้นภายในโรงถ่ายทำละครและภาพยนตร์ต่อปีที่มีไม่ต่ำกว่า 1.7 หมื่นหยวน หรือประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในแต่ละปีจีนจะมีการถ่ายทำละครปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 เรื่อง ไม่นับรวมภาพยนตร์และละครออนไลน์ ”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีศิลปินไทยที่อยู่ในความดูแล ได้แก่ บี้ - ธรรศภาคย์ ชี, ไมค์ - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, สน - ยุกต์ ส่งไพศาล, วิว - วรรณรท สนธิไชย และ อาร์ม - วีรยุทธ จันทร์สุข เป็นต้น นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้เซ็นสัญญากับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในการนำ ดีเจพุฒิ - พุฒิชัย เกษตรสิน เปิดตลาดในจีน ซึ่งมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากทำธุรกิจมาได้ 2 ปี ปัจจุบันมีละครที่ดาราไทยในสังกัดเข้าไปร่วมแสดงในละครจีนแล้วเกือบ 10 เรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้คาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
“ เราเล็งเห็นว่าปัจจุบัน นักแสดงไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศจีน จากกระแสความนิยมในการรับชมละครไทยผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ประกอบกับประเทศจีนที่หันมาทำธุรกิจบันเทิงในประเทศไทยมากขึ้นจนทำให้ตลาดบันเทิงจีนเริ่มรู้จักดาราศิลปินของไทยอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีมูลค่าทางธุรกิจที่เราเห็นโอกาสในจีนไม่ต่ำกว่า 1 – 60 ล้านบาท ต่อศิลปิน 1 คน ทั้งนี้ หลังจากที่เราดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนต่อปีไม่ต่ำกว่า 90 – 100 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่า จากจุดแข็งของ HANDSOME THAILAND จะช่วยให้บริษัทสร้างเงินหมุนเวียนได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ”
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการขยายธุรกิจให้ครบวงจรมากที่สุดโดยได้วางกลยุทธ์เพื่อรุกธุรกิจบันเทิงจีนอย่างเต็มรูปแบบ ตอบรับตลาดบันเทิงจีนที่เปิดกว้างขึ้น และกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการในตลาดนี้ต้องการคอนเทนต์ที่หลากหลาย สด ใหม่ โดยเฉพาะคอนเทนต์ ของผู้ผลิตไทยที่มีความโดดเด่นทั้งคุณภาพการผลิต บทประพันธ์ และฝีมือการแสดง จึงถือเป็นโอกาสสำคัญของละครและนักแสดงไทยที่จะได้เข้าไปเฉิดฉายสู่ตลาดบันเทิงจีน
“สำหรับช่องทางการตลาดบันเทิงจีนหลัก ๆ ของเรา คือ อินเทอร์เน็ตทีวี และเคเบิลทีวี ที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมจีนค่อนข้างสูง โดยอินเทอร์เน็ตทีวีนั้นจะเน้นการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีผู้ชมเป็นจำนวนมากในจีน ในขณะที่เคเบิลทีวีจะเน้นการเจาะผู้ชมกลุ่มแมส ทั้งนี้ เป้าหมายระยะยาวที่สำคัญของบริษัทฯ เราคือ การต่อยอดธุรกิจบันเทิงให้ไปถึงระดับโกลบอล โดยมีจีนเป็นฐานหลักในการต่อยอดธุรกิจที่สำคัญ ไปยังพื้นที่อื่น ๆ หลังจากที่ฮอลลีวู้ดเริ่มเข้ามาเจาะตลาดบันเทิงจีนมากขึ้น”
