นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารใหม่ล่าสุดแห่งโรบินสัน  กล่าวว่า  บริษัทฯ มีภาพรวมผลประกอบการเป็นไปในทิศทางบวก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ โดยในไตรมาสที่สาม บริษัทฯ มีรายได้รวม เพิ่มขึ้น 4.2% รวมทั้งมีกำไรสุทธิ เติบโตถึง 19.8% ส่งผลให้ผลประกอบการรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 1.3% และมีกำไรสุทธิโต 6.4% หรือมีรายได้รวม 18,600 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายจากต่างจังหวัด 70% และกรุงเทพฯ 30%  โดยมีการดำเนินงานสำคัญและปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าเช่าทั้งจากสาขาเดิม และ การขยายสาขาล่าสุดอย่างศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ เพชรบุรี  ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2560  ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในจังหวัด จังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี รวมทั้งการเดินหน้าปรับปรุงสาขา ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 2 สาขา คือ สาขาสระบุรี และราชบุรี

ทั้งนี้  ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายปีนี้จะเปิดอีก 2 สาขา คือ ห้างสรรพสินค้าโรบินสันที่เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย ลงทุน 600 ล้านบาท พื้นที่ 15,000 ตารางเมตร และศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ที่กำแพงเพชร สาขาต้นแบบของคอมแพกต์ขนาดเล็ก พื้นที่ 28,000 ตารางเมตร ลงทุน 800 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดนี้มีบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ และตลาดเทสโก้โลตัสเปิดบริการแล้ว  สำหรับแผนปีหน้า (2561) จะเปิดอีก 2 สาขา คือที่ ชลบุรี ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอมตะ และเปิดอีกสาขาเป็นโซนเหนือหรือไม่ก็อีสาน ซึ่งในอดีตเคยเปิดมากถึง 4-5 สาขาต่อปีมาแล้วส่วน 2 ปีที่ผ่านมาชะลอการขยายสาขาเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี โดยปีนี้ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 3,000 ล้านบาท

ผู้บริหารคนใหม่  กล่าวต่อถึงแผนในอีก 2-3 ปี ว่า  ข้างหน้าบริษัทต้องการจะเปิดสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 9 สาขา ลงทุนเฉลี่ย 800-1,000 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์จำนวน 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขารวมทั้งสิ้น 44 สาขา (แบ่งเป็นห้างสรรพสินค้า 25 สาขา และโรบินสันไลฟ์สไตล์ 19 สาขา) ส่วนภายในช่วงสิ้นปีนี้จะเปิดอีก 2 สาขา คือ ห้างโรบินสันที่เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย และอีกที่คือ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ที่กำแพงเพชร  สำหรับโรบินสันไลฟ์สไตล์นั้น บริษัทฯ จะมีโมเดลในการรุกตลาด 3 แบบ คือ 1. ขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 37,000 ตารางเมตร เปิดแล้วเช่นที่ สระบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และศรีสมาน (นนทบุรี) เป็นต้น 2. ขนาดกลาง พื้นที่ประมาณ 35,000 ตารางเมตร เปิดแล้วเช่นที่ แม่สอด ร้อยเอ็ด สกลนคร เป็นต้น และ 3. ขนาดเล็กหรือคอมแพกต์ พื้นที่ต่ำกว่า 30,000 ตารางเมตร สาขาแรกคือที่จังหวัดกำแพงเพชร จะเป็นสาขาต้นแบบ โดยจะให้ความสำคัญต่อโมเดลขนาดเล็กมากขึ้น