ทิสโก้เปิดรายชื่อกลุ่มหุ้นน่าลงทุนปี61การเงิน-เฮลท์แคร์สหรัฐฯญี่ปุ่นติดโผ

วันพุธที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทิสโก้เปิดรายชื่อกลุ่มหุ้นน่าลงทุนปี61การเงิน-เฮลท์แคร์สหรัฐฯญี่ปุ่นติดโผ


ทิสโก้มองตลาดหุ้นปีหน้าผั นผวนแถมมี upside จำกัด Valuation ค่อนข้างแพง แนะลงทุน 3 กลุ่ม หุ้นญี่ปุ่น เฮลท์แคร์-การเงินสหรัฐฯ กำไรดี ราคาถูก ผันผวนน้อย หลบความเสี่ยงเงินเฟ้อมาแรงกว่ าคาดกดดันตลาดหุ้นปรับฐาน

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุ ทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า มองภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้ นในปี 2561 น่าจะมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) จำกัดเนื่องจากมูลค่า ( Valuation) ที่ค่อนข้างแพง และตลาดน่าจะมีความผันผวนเพิ่ มขึ้น หลังธนาคารกลางทั่ วโลกทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่ องและเริ่มใช้นโยบายการเงินที่ เข้มงวดขึ้น แม้สภาพคล่องจะยังมีแนวโน้มเพิ่ มขึ้นในปี 2561 แต่อัตราการเพิ่มขึ้นก็มีแนวโน้ มลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการดำเนินนโยบายที่เข้ มงวดขึ้นของ 3 ธนาคารกลางหลัก ได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ญี่ปุ่น (BoJ) และสหรัฐฯ (Fed) จะส่งผลให้อัตราการเพิ่มขึ้ นของสภาพคล่องของโลกลดลง จากที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นในอั ตราเฉลี่ย 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อไตรมาสมาตั้งแต่ปี 2556 ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง (1.5 แสนล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส) ในไตรมาส 1/2561 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่ องจนเหลือ 0 ในไตรมาส 4/2561 และหลังจากนั้นสภาพคล่ องของโลกจะเริ่มลดลงในปี 2562 น่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผั นผวนมากขึ้นในปีหน้า

“นอกจากปัจจัยข้างต้นความเสี่ ยงที่จะเกิดการปรับฐานของตลาดน่ าจะเกิดขึ้นอีกจากการฟื้นตั วของเงินเฟ้อเร็วกว่าที่คาด ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยในตลาดกลั บมาเพิ่มขึ้นเร็ว และส่งผลต่อเนื่องไปกดดันระดับ Valuation ที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสู งท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำในช่ วงหลายปีที่ผ่านมา” นายคมศรกล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2561 เราแนะนำให้เน้นลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และ 2) หุ้นในกลุ่มธุรกิจการเงิ นของสหรัฐฯ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตั วของเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ 3) หุ้นในกลุ่ม Health Care ของสหรัฐฯ ที่กำไรเติบโตสูงสม่ำเสมอ และ Valuation ยังถูกกว่าในอดีตค่อนข้างมาก

โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังซื้อขายที่ ระดับ Valuation ที่ยังดูสมเหตุสมผลกว่าตลาดอื่ นๆ โดยค่า P/B ของดัชนี NIKKEI225 ยังอยู่ที่ระดับ 1.8 เท่า ต่ำกว่าตลาดหุ้นยุโรป (STOXX600) และสหรัฐฯ ซึ่งเทรดที่ P/B 1.9 เท่า และ 3.2 เท่า ตามลำดับ นอกจากนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นยั งจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตั วของเงินเฟ้อ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ เงินเฟ้อต่ำ ดังนั้นธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้ องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้ นมากเท่ากับธนาคารกลางอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น การที่เงินเฟ้อฟื้นตัวขึ้นจะส่ งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่ อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในญี่ ปุ่นอีกด้วย

ส่วนกลุ่มธุรกิจการเงินในสหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้จากส่วนต่างอั ตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการผ่ อนคลายกฎระเบียบของสถาบันการเงิ น เช่น การผ่อนคลายกฎ Volcker Rule ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารมีกำไรเพิ่ มขึ้นจากการซื้อขายหลักทรัพย์ และการผ่อนเกณฑ์การทำ Stress Test ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความยืนหยุ่นในการจ่ ายเงินปันผลคืนให้ผู้ถือหุ้นอี กด้วย

            ในขณะที่หุ้นในกลุ่ม Health Care มีกำไรสม่ำเสมอ และกำไรมีความผันผวนต่ำแม้ในช่ วงเศรษฐกิจถดถอยเช่นในปี 2002 (dot com bubble) และปี 2008 (Global Financial Crisis) ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มนี้มี ความน่าสนใจในช่วงที่เศรษฐกิจมี ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเช่นในปี หน้า นอกจากนั้นหุ้นในกลุ่ม Health Care ยังมีการเติบโตของกำไรที่สูงมาก เนื่องจากได้ประโยชน์จาก Megatrend ของสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ขับเคลื่ อนกำไรต่อไปในระยะยาว ส่วนในด้าน Valuation หุ้นในกลุ่ม Health Care เทรดที่ Forward P/E 16.5 เท่า ต่ำกว่าดัชนี S&P500 อยู่ราว 8% ซึ่งหากเทียบกับในอดีตที่หุ้ นในกลุ่มนี้เคยซื้อขายที่ P/E สูงกว่าดัชนีโดยเฉลี่ยประมาณ 20% ประกอบกับแนวโน้มการเติ บโตของกำไรที่สูงกว่า ก็ยิ่งทำให้หุ้นในกลุ่ม Health Care มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอีก



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ