“กาแฟ” นับเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมบนพื้นที่สูงของประเทศเอธิโอเปีย สายพันธ์หลัก ๆ มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ โรบัสต้า ลักษณะพันธ์ต้นสูงใหญ่ และให้ผลิตเยอะกว่า ประเภทสายพันธ์อาราบิก้า ลักษณะทรงพุ่มขนาดเล็ก มีคาเฟอีนที่สูง ทำให้รสชาติค่อนข้างจะขม แหล่งปลูกเยอะคือประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย
สำหรับประเทศไทยนั้น สายพันธุ์ “โรบัสต้า” เป็นกาแฟที่ปลูกทางภาคใต้ของไทย ให้ผลผลิตที่ดีมากเป็นสายพันธ์กาแฟที่ทนทานต่อโรคชอบอากาศร้อนชื้นมีฝนตกอย่างสม่ำเสมอจุดเด่นขางกาแฟสายพันธ์นี้คือให้ความเข้มข้นของกาแฟ ที่รสเปรี้ยวนำนิยมไปทำกาแฟสำเร็จรูป โดยผลผลิตหลักของไทยมาจากจังหวัดชุมพร กระบี่ และอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้ ดังนั้นทาง “ทีมงานสยามธุรกิจ” ได้ลงไปบุกถึงพื้นที่ในการไปพูดคุยและเข้าชมไร่สวนกาแฟที่สวยงามแห่งหนึ่งถึงจังหวัดชุมพรกันเลย
คุณหนึ่งฤทัย เกตุอินทร์ เจ้าของไร่กาแฟ โรบัสต้า จ.ชุมพร ได้เล่าให้ทางเราฟังว่า ตนเองมีไร่กาแฟ โรบัสต้า จำนวน 8 ไร่ แต่มีปัญหาคล้ายๆ กับไร่อื่นๆ ก็คือ มีเชื้อราดำกินที่ขั้วต้นกาแฟ ส่งผลกระทบต่อการเก็บผลผลิตเป็นอย่างมาก ดังนั้น ตนจึงหาวิธีที่จะกำจัดเชื้อราให้กับต้นกาแฟ โดยการหันมาทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งถือว่าได้ผลดีเกินคาด “ช่วงที่ใช้ปุ๋ยเคมีก็ถือว่าใช้ได้ ใส่ปุ๊บก็เขียวปั๊บ แต่เป็นช่วงแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่พอหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ถือว่าดีกว่ามาก เพราะนอกจากต้นจะสวย ลูกมันวาวแล้ว เชื้อราก็หายไปด้วย ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนทำไร่กาแฟเป็นอย่างมาก”
สำหรับปุ๋ยอินทรีย์ที่เลือกใช้นั้น จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ของสยามธุรกิจ โดยรอบแรกใช้ 18 กระสอบ รอบสองก็ใช้ 18 กระสอบ เพราะว่า 1 ปี ใส่ปุ๋ย 4ครั้ง ซึ่งจะโรยทั่วทั้ง 8 ไร่ ไม่ใช่เป็นการหว่านแค่ที่โคน และก็ต้องยอมรับว่า ประหยัดต้นทุนกว่าใช้ปุ๋ยเคมีเป็นอย่างมาก โดยปุ๋ยเคมีจะเขียวแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ จะอยู่ในดินประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งสามารถฟื้นฟูดินได้เป็นอย่างดีด้วย ส่วนผลผลิตนั้น ส่งผลดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้น ดอก ใบ มีความสมบูรณ์ ส่งผลให้เมล็ดกาแฟออกมาสมบูรณ์เป็นอย่างมาก จากปีที่ผ่านมามีเชื้อรารบกวน แต่ก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 200,000 บาทกว่าๆ แต่ปีนี้ลูกสมบูรณ์ที่สุด คาดว่าจะสูงขึ้นกว่าเดิมกว่าเท่าตัวทีเดียว
“สมัยก่อนจะนิยมตากแห้งกาแฟเพื่อจะขายสาร และก็ต้องเอาไปสีเข้าระบบโรงสีแต่เมล็ดกาแฟก็ต้องแห้งก่อน แต่ตอนนี้สามารถสีสดได้เลย แล้วไปตากสารอีกรอบหนึ่ง เพราะการผลิตกาแฟทุกวันนี้ จะนิยมเก็บกาแฟสดเลย อย่างไรก็ตาม ราคาผลผลิตกาแฟปีที่ผ่านมา จะอยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 80-85 แต่ปีนี้มีแนวโน้มราคาจะสูงถึง 90 ต่อกิโลกรัม ยิ่งจะส่งผลดีต่อเจ้าของไร่กาแฟเป็นอย่างมาก”
เจ้าของไร่กาแฟ โรบัสต้า จ.ชุมพร เล่าต่ออีกว่า ผลิตภัณฑ์ของสยามธุรกิจ ถือว่าตอบโจทย์ได้มากเลยทีเดียว คือดูภายนอกลูกมันจะมันแวว แล้วก็ไม่เป็นเชื้อรา ที่สำคัญปัญหาที่มากที่สุดเลยคือเป็นเชื้อรา ขั้วกาแฟก็จะหลุด ถ้าไม่หลุดเม็ดก็จะไม่โต ไม่ใหญ่ พี่น้องที่ปลูกกาแฟจะมีปัญหาตรงนี้มาก ต้องรีบหาวิธีรักษา แต่ไม่น่าเชื่อว่าเพียงใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจ เชื้อราหายไป ทุกอย่างกลับมาสมบูรณ์ เม็ดใหญ่ขึ้น แน่นขึ้น และที่สำคัญได้นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทสยามธุรกิจมาทดลองกับพืชทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นยางพารา พืชผักสวนครัว ข้าว ฯลฯ ทุกอย่างตอบโจทย์หมดเลย จึงอยากแนะนำให้ชาวไร่ ชาวสวนทดลองใช้ดู แล้วจะรู้ว่าตอบโจทย์ได้จริง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจศึกษา และปรึกษาวิธีการปลูกไร่กาแฟ โรบัสต้า สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา และปีนี้จะทำพิเศษหน่อย คือจะคัดพันธ์ และจะเอาต้นที่สมบูรณ์ที่สุดมาขยายพันธ์ให้เผื่อมีคนสนใจ เพราะว่าถ้าอยากปลูกของดีๆ พันธ์ต้องดี และใครอยากได้พันธ์กาแฟติดต่อได้เลย คัดสายพันธ์อย่างดี ลูกใหญ่สมบูรณ์แน่นอน สามารถติดต่อมาได้ที่เบอร์โทร 093-783-1102
