บลจ.กรุงศรีตั้งเป้าเพิ่มเอยูเอ็ม 13% เน้นผลตอบแทนดี

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บลจ.กรุงศรีตั้งเป้าเพิ่มเอยูเอ็ม 13% เน้นผลตอบแทนดี


KSAM ขึ้นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม กางแผนธุรกิจปี 61 ตั้งเป้าเพิ่มเอยูเอ็ม 13% เน้นผลตอบแทนดี    คู่บริหารความเสี่ยง เติมกองทุนใหม่เพื่อการจัดพอร์ตเพิ่มกำไร พร้อมการพัฒนาระบบออนไลน์

                น.ส.ศิริพร  สินาเจริญ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด(บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2561  บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ที่ 525,767 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตประมาณ 13% จากสิ้นปี 2560  จาก3 กลยุทธ์หลักคือการรักษาคุณภาพการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ การผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มกรุงศรีและ MUFG เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง มุ่งเป็นผู้นำด้านส่วนแบ่งการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น และการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง  เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนในการจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสภาวะตลาด”

                “นอกจากนี้ เรายังพัฒนาในด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วยเพื่อประสบการณ์การลงทุนที่ดีสำหรับลูกค้า  ทั้งในส่วนของการเพิ่มชนิดหน่วยลงทุนในกองทุนเดียวให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนในแบบที่ต้องการ  เช่น  กองทุนKFTSTAR มีชนิดจ่ายเงินปันผลและสะสมมูลค่า หรือ Income Fund ที่มีทั้งแบบขายคืนอัตโนมัติรายเดือนและแบบสะสมมูลค่า   การพัฒนา Provident Fund Service ทั้งในส่วนของระบบสำหรับนายจ้างและลูกจ้าง  รวมทั้งการพัฒนาระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น  เช่น Line @krungsriasset และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ Mobile  Application เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลการลงทุนและสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตนเองในทุกที่ทุกเวลา ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้”

                 “สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 ที่ผ่านมานั้น   บริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม  ทั้งในส่วนของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ  ส่วนแบ่งการตลาด และผลการดำเนินงานกองทุนภายใต้การบริหารจัดการ  โดยในส่วนของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นปี 2560 มีมูลค่า 474 พันล้านบาท  หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 31.22% เมื่อเทียบกับปี 2559  ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตเพียง 9.22%  ส่งผลให้บลจ.กรุงศรี ก้าวขึ้นมาเป็น บลจ.ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรมจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกประเภทธุรกิจ  และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมถึง 3 เท่าตัว  โดยเฉพาะกองทุนส่วนบุคคลที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 101%   ในส่วนของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีการอัตราการเติบโต 22.18% และ 33.23 % ตามลำดับ” (ข้อมูล : บลจ. กรุงศรี  29 ธ.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม  มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

                “หากพิจารณาด้านผลการดำเนินงานกองทุนจะพบว่าทุกกองทุนหลักของ บลจ.กรุงศรี(Flagship Fund)    มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น  ดังเห็นได้จากการที่มี 8 ใน 10 กองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมีผลการดำเนินงานดีที่สุดจากทั้งหมด 200 กองทุนหุ้นในกลุ่มกองทุนหุ้นทั่วไป (Equity General) นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุน LTF ยังติดอันดับกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด (Top Quartile)  โดยกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว  อิควิตี้ (KFLTFEQ) เป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนดีที่สุดในปี 2560   จากผลการดำเนินงานกองทุนที่ดีอย่างสม่ำเสมอส่งผลให้ บลจ.กรุงศรี เป็น 1 ใน 5 บลจ. ที่มีเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิสูงสุดในแต่ละประเภทกองทุน   ครอบคลุมทั้งกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ กองทุนผสม  กองทุนหุ้น  และกองทุน FIF” (ข้อมูล : บลจ.กรุงศรี    29 ธ.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม  มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

                “สำหรับกองทุนที่มียอดเงินเข้าลงทุนสุทธิสูงสุดในปี 2560 ประกอบด้วย 5 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีสมาร์ทตราสารหนี้ (KFSMART) มีเงินลงทุนเข้าสุทธิ 25,046 ล้านบาท   กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลสมาร์ทอินคัม (KF-SINCOME) และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอลเล็คทีฟสมาร์ทอินคัม (KF-CSINCOM)  มีเงินลงทุนเข้าสุทธิ 23,274 ล้านบาท   กองทุนเปิดกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้ (KFAFIX)  มีเงินลงทุนเข้าสุทธิ 9,641 ล้านบาท   กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดี๊ดี (KFHAPPY) มีเงินลงทุนเข้าสุทธิ 6,205 ล้านบาท   และกองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์-ปันผล (KFTSTAR-D) มีเงินลงทุนเข้าสุทธิ 2,349 ล้านบาท  นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ยังคงรักษาตำแหน่งกองทุนรวมหุ้นที่มีขนาดใหญที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 19,737  ล้านบาท”   (ข้อมูล : บลจ.กรุงศรี  29 ธ.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม  มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

                “ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทก็ได้รับความไว้วางใจจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นให้บริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ    ที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัท ทั้งนี้  บลจ.กรุงศรี มุ่งมั่นที่จะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้ผู้ลงทุน” น.ส.ศิริพร กล่าว

นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน  บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “บริษัทมีมุมมองว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากแรงหนุนของการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยคาดว่าการส่งออกจะยังคงขยายตัวได้ดี เนื่องจากสัญญาณการค้าในตลาดโลกมีความแข็งแกร่งต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น   ด้านการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างและโครงการที่จะเริ่มก่อสร้างในอนาคต  ส่วนการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น”

“สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและตลาดตราสารหนี้ไทย คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมจนถึงช่วงปลายปี  เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบช่วงไตรมาสที่หนึ่ง ก่อนที่จะมีความผันผวนสูงขึ้นหลังจากนั้นตามความเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้สหรัฐ”

“นอกจากนี้ บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารทุนในระยะกลางถึงยาว จากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ยังเป็นที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆในภูมิภาค ส่วนในระยะสั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มผันผวนไปตามปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ทิศทางการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ ในประเทศต่างๆ  และกระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น”

“ในปี 2560 ที่ผ่านมา บลจ.กรุงศรี ได้แนะนำพอร์ตการลงทุนความเสี่ยงระดับปานกลาง ได้ผลตอบแทน 16.59%  สำหรับในปี 2561 บลจ.กรุงศรี แนะนำพอร์ตการลงทุนความเสี่ยงระดับปานกลาง โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้น 65% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ดี เน้นลงหุ้นที่เป็นหุ้นเติบโต โดยลงในหุ้นไทย 33% หุ้นต่างประเทศในตลาดพัฒนาแล้ว 22% และหุ้นต่างประเทศตลาดเกิดใหม่ 10% ในส่วนของตราสารหนี้แนะนำให้ลงทุน 35% โดยเน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีเนื่องจากได้รับดอกเบี้ยสูงกว่า ในขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ยังดี เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโต โดยให้ลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ 20% และตราสารหนี้ต่างประเทศ 15%”  นางสุภาพร  กล่าว

                นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com  หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ