ถ้าพูดถึงหัวหอมและกระทียม ถือว่าเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานในการใช้นำมาทำกับข้าวกับปลารับประทานกันได้หลากหลายเมนู ซึ่งใครจะรู้บ้างไหมว่ากระเทียมนั้นเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย ๆ เพียงแค่มีบริเวณพื้นที่ หรือในสวนที่บ้าน ก็สามารถปลูกพืชชนิดนี้ไว้กินใช้ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องรู้เทคนิคในการเลือกช่วงเวลา และเลือกดินให้ถูกเท่านั้นเอง เราก็จะได้กระเทียม หัวหอมไว้ปรุงอาหารได้อีกนานทีเดียว
แต่ลำหรับชาวสวนหรือชาวเกษตรกรที่มีพื้นที่กว้างที่เพียงพอสำหรับการปลูกหัวหอมและกระเทียม นั้นก็ถือเป็นโอกาสที่จะปลูกพืชผัก 2 ตัวนี้ เพื่อนำไปขายจำหน่ายและยังมีราคาที่ดีอีกด้วย แต่ก่อนอื่นการปลูกต้องดูความเป็นไปได้ก่อนว่า จะปลูกและขายอย่างไรให้สามารถทำกำได้กำไรงอกงาม ฉบับนี้ “สยามธุรกิจ” จึงลงพื้นที่ไปพูดคุยเรียนรู้วิธีการปลูกกับ สองสามีภรรยาเจ้าของ ไร่หอม และกระเทียม จังหวัดเพชรบูรณ์
นายธวัช แสงบุญ เจ้าของไร่หอม และกระเทียม จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ตนได้ปลูกข้าวโพดสลับกับหอมและกระเทียม ในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ เพราะพืชสองชนิดนี้จะสลับปลูกได้ตามฤดูกาล และถือเป็นการช่วยให้มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวได้
สำหรับการปลูกหอมนั้น ถือเป็นพืชที่ช่วยดินร่วน ต้องการความชื้นในดินค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในช่วงของการเจริญเติบโตจะต้องให้ดินแห้ง และในช่วงระยะเวลาที่ใกล้จะเก็บเกี่ยว ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 12.7-23.8 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถปลูกได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปี
อย่างไรก็ดี การปลูกหอมและกระเทียมจะมีปัญหา คือ มีเชื้อรามารบกวนทุกครั้งที่ปลูก แม้ว่าจะมีประสบการณ์ในการปลูกมายาวนานกว่า 7 ปีแล้วก็ตาม ที่ผ่านมาได้คิดวิธีป้องกันแต่ก็ยังไม่เป็นผล จนได้ทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์สยามธุรกิจปัญหาต่างๆ ค่อยๆ หายไป
“ช่วงที่แก้ปัญหาไม่ตกก็ได้หาวิธีต่างๆ มาช่วยแต่ก็ไม่ค่อยได้ผล จนได้มาเจอกับปุ๋ยอินทรีย์สยามธุรกิจ และได้ลองใช้กับไร่หอมและกระเทียม เพียง 9 ร่อง แต่เห็นผลเกินคาดเพราะเชื้อราลดไปมาก จึงมั่นใจว่า การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ จะส่งผลให้มีรายได้ จำนวน 120,000 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน จำนวนกว่า 30,000 บาท จะทำให้มีกำไรประมาณ 80,000 บาททีเดียว ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา”
ด้าน นางบุญเรียม แสงบุญ กล่าวเสริมว่า กระเทียมจะมีวิธีการปลูกใกล้เคียงกับหอม ซึ่งการใช้ปุ๋ยอินทรีย์สยามธุรกิจตอบโจทย์ชาวเกษตรกรมาก โดยระยะการเก็บเกี่ยวนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จึงจะสมบูรณ์ที่สุด และสามารถขายได้ราคามากที่สุด ถ้าหากอยากเก็บเกี่ยวในช่วง 2 เดือนก็สามารถทำได้แต่จะไม่สมบูรณ์และไม่ได้ราคาที่ดีตามความต้องการของตลาด
“ต้องขอขอบคุณโครงการสยามธุรกิจ ช่วยเหลือสังคม ทดแทนคุณแผ่นดิน ที่จัดให้มีโครงการดีๆ แบบนี้มาแนะนำวิธีการปลูกพืชผลทางการเกษตร ถ้าหากไม่ได้ทดลองใช้ปุ๋ยอินทรีย์สยามธุรกิจ ก็คงยังหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเชื้อราไม่ได้”