นางสุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า เราได้ทำธุรกิจในประเทศไทยมาตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยปัจจุบันมีแบรนด์ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 9 แบรนด์ ได้แก่ Céline (เซลีน), Emilio Pucci (เอมิลิโอ ปุชชี่), Givenchy (จีวองชี่), Loewe (โลเอเว่), Longchamp (ลองฌอมป์), MCM (เอ็มซีเอ็ม), Roger Viiver (โรเฌร์ วิวิเยร์), Tod’s (ท็อดส์) และ Tory Burch (ทอรี่ เบิร์ช ) สำหรับภาพรวมของบริษัทฯ ในช่วงสอง สามปี ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ยากของธุรกิจในประเทศไทย แต่เราก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 เทียบกับ 2559 เรามีอัตราการเติบโตประมาณ 40% ทั้งนี้ โดยเป็นเมื่อเทียบอัตราการเติบโตแบบ Like for Like จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20% นอกจากนั้น เป็นผลมาจากการขยายสาขาของ MCM ที่สยามพารากอน Central Embassy และการที่เราเพิ่ม TOD’s เข้ามาในพีพี กรุ๊ป
“ส่วนสถานการณ์ในไตรมาสแรกของปี 2561 พบว่ามีอัตราการเติบโตสูงถึง 46.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีทางเศรษฐกิจ และการจับจ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในการลงทุนทางด้านต่างๆ มากขึ้น โดยจัดสรรงบประมาณไว้ 150-200 ล้านบาท สำหรับเงินลงทุนในการสร้างร้าน การตลาดประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการขาย พร้อมตั้งเป้าหมายของยอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาท ในสิ้นปี 2561 นี้”
โดยในปี 2561 จะขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์หลักที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย 1.Loyalty program ของพีพีกรุ๊ป เน้นการทำ CRM กับลูกค้า VIP 2.แบรนด์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ และ 3.การเข้าสู่การขายออนไลน์หรือ e-commerce อย่างเป็นทางการของแบรนด์ Longchamp ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทชื่อว่า www.onlinestore.ppgroupthailand.com ซึ่งเริ่มเป็นทางการเดือนมิถุนายน 2561 นี้
ด้าน นายโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป กล่าวต่อว่า บริษัทวางแผนเดินหน้ากลยุทธ์ปีนี้ในส่วนของ Loyalty Program ได้เริ่มดำเนินงานมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะการทำ CRM ของแต่ละแบรนด์ ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ และพัฒนาการทำตลาดให้ดียิ่งขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าประจำบางแบรนด์ มีการซื้อสินค้าจากแบรนด์อื่นที่อยู่ในกรุ๊ปของบริษัทฯ ในปีนี้ จึงเริ่มทำ CRM อย่างจริงจัง โดยการดึงข้อมูลลูกค้าของทุก แบรนด์ในเครือ มาเป็นส่วนกลางเพื่อให้เห็นพฤติกรรมลูกค้าในภาพกว้างขึ้น จึงได้มีการลงทุนพัฒนาระบบใหม่ ทำให้เกิด Loyalty Program ในลักษณะของกรุ๊ปขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าของเราได้ประโยชน์ และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในฐานะ VIP ของพีพี กรุ๊ป
นอกจากนี้ เราได้เตรียมเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตฟอลิโอด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “Off-white” (ออฟไวท์) เป็นแบรนด์กึ่งสตรีทและไลฟ์สไตล์ ซึ่งล่าสุดแบรนด์ดังกล่าวไปขยายตลาดไปยังหัวเมืองใหญ่ๆทั่วโลก ก็มีผลตอบรับที่ดี แน่นอนว่าการที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวตลาดจีนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ก็ย่อมเป็นผลดีต่อการสร้างยอดขายเช่นเดียวกัน และ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของปีนี้ จะเป็นเรื่องการขยายช่องทางการขายไปสู่รูปแบบอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น
