“นู กสิน” ทั่วโลกมุ่งลุยออนไลน์เต็มสตีม โฟกัสรุกตลาดบิวตี้แกดเจ็ต

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

“นู กสิน” ทั่วโลกมุ่งลุยออนไลน์เต็มสตีม โฟกัสรุกตลาดบิวตี้แกดเจ็ต


นูสกิน” ทั่วโลกปรับกลยุทธ์รับเทรนด์พฤติกรรมผู้ บริโภคยุคดิจิตอล ประกาศลุยออนไลน์เต็มสูบ ชู กลยุทธ์ 3Ps เสริมศักยภาพผู้แทนจำหน่าย เตรียมความพร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจ มั่นใจช่วยลดต้นทุนลอจิสติกส์ สาขา และคลังสินค้า  พร้อมโฟกัสกลุ่มสินค้าบิวตี้แกดเจ็ต  ดันยอด  สิ้นปีทั่วโลกเติบโต 10-12%

ดร.ภคพรรณ ลีนุวุฒินันท์ ประธาน นู สกิน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  กล่าวว่า  ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์ ทั่วโลก ปีนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 1  นู สกิน ทั่วโลกมียอดขายรวม 616.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้ทำธุรกิจอยู่ที่ 63,500 ราย เพิ่มขึ้น 16% ปัจจุบัน นู สกิน มีลูกค้าที่ใช้สินค้าทั่วโลกอยู่ ราวๆ 1,086,000 คน เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 11% โดยบริษัทฯ คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ จะเติบโตประมาณ 15-18% ส่วนยอดขายทั้งปี 2561 ของ นู สกิน ทั่วโลก จะมีแนวโน้มเติบโตประมาณ 10-12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาพรวมของนู สกิน เซาท์อีสต์เอเชีย พบว่าไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมายอดขายโตขึ้น 12% ผู้ทำธุรกิจเพิ่มขึ้น 6% และลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 20% โดยยอดขายหลักมาจาก 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ส่วนเวียดนามเป็นประเทศที่เติบโตสูงสุด

ทั้งนี้ หลังจากที่ทางนโยบาย นู สกิน บริษัทแม่ ได้ให้ความสำคัญในการทำตลาดในช่องทางของออนไลน์มากขึ้นมาในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพื่อในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ตามเทรนด์โลกและเติบโตต่อเนื่องในอนาคต บริษัทจึงได้ให้ความสำคัญและพัฒนาช่องทางออนไลน์เพื่อนำเป็นเครื่องมือเพื่อให้นักธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปเกิดความสะดวกสบายมากในการจัดการสั่งซื้อสินค้า อีกทั้ง ยังมองว่าช่องทางนี้ยังช่วยขยายฐานผู้บริโภคไปยังในกลุ่มคนยุคใหม่ที่นิยมใช้สื่อออนไลน์ในชีวิตประจำวันเข้ามาเป็นสมาชิกหรือมาเป็นลูกค้าของเราเพิ่มมากขึ้น  โดยจากข้อมูลเราพบว่าปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกมียอดขายจากออนไลน์ไม่ต่ำกว่า 40% หรือสูงสุดตอนนี้ทำได้กว่า 80-90% ไปแล้วในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย ส่วนในอเมริกาซึ่งเป็นบริษัทแม่ พบว่ามีสัดส่วนมากกว่า 40-50% ไปแล้วเช่นกัน

จากแนวโน้มของออนไลน์ที่กำลังเติบโตดังกล่าว นู สกินไทยจึงเตรียมย้ายคลังจัดเก็บสินค้าไปย่านลาดกระบัง โดยมอบหมายให้บริษัท แอลเอฟ โลจิสติกส์ เป็นผู้ดูแลด้านการขนส่งและการจัดเก็บสินค้า ส่งผลให้บริษัทมีขนาดของพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า เมื่อเทียบกับคลังจัดเก็บสินค้าเดิม ในส่วนนี้รองรับการเติบโตธุรกิจที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง”

อีกทั้ง ในปีนี้ นู สกิน ทั่วโลก ได้มีการปรับกลยุทธ์ตามนโยบายของบริษัทแม่ หลังจากที่ไม่เคยได้ปรับกลยุทธ์มานานกว่า 10 ปีแล้ว เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตในยุคดิจิตอลนี้  ด้วยกลยุทธ์ 3Ps ได้แก่ 1. สินค้า (Product) บริษัทฯ ยังคงเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์เอจล็อค โดยมีบิวตี้แกดเจ็ตเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความสำเร็จและผลักดันยอดขายให้กับ นู สกิน 2. แพลตฟอร์ม (Platform) เราได้วางแผนลงทุนสร้างเทคโนโลยีที่เรียกว่า “มีคอมเมิร์ซ” (Me Commerce) ระบบที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ทำธุรกิจขยายองค์กรผ่านการตลาดแบบออนไลน์รูปแบบใหม่ ที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถขยายฐานลูกค้ าและแนะนำสินค้าผ่านระบบดิจิทัลได้ง่ายขึ้น 3. โปรแกรม (Program) ปีนี้ นู สกิน มีนโยบายที่จะปรับแผนปันผลระบบใหม่เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบธุรกิจ จูงใจนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้ องการรายได้เสริม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจโดยจะเปิดตัวแผนปันผลใหม่ อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้

ด้าน นางวิภาดา ตั้งปกรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นูสกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์การเติบโตของนู สกิน ประเทศไทยนั้นมีนโยบายสอดคล้ องกับบริษัทฯ แม่และจะมุ่งเน้นไปในการทำตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทบิวตี้แกดเจ็ต  ที่จะเป็นกลุ่มสินค้าชูโรงของ นู สกิน ประกอบด้วย 3 ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่  “กลุ่มผลิตภัณฑ์ กัลวานิค ซิสเต็ม” , “กลุ่มผลิตภัณฑ์ เอจล็อค  มี” และ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “เอจล็อค ลูมิสปา” เปิดตัวสินค้าล็อตแรกจำหน่ายหมดลงภายในหนึ่งเดือน ส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์เอจล็ อคลูมิสปามีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 25% ของยอดขายในเดือนมีนาคม และคาดการณ์สัดส่วนยอดขายในกลุ่ มผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนลแคร์เที ยบกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็น 65: 35 โดยมีสัดส่วนยอดขายของเอจล็อคลู มิสปาไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดขายรวม

นอกจากนี้  บริษัทยังพร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านงาน Expo และ Virtual EXPO รวมถึงการอัดฉีดผู้แทนจำหน่ายผ่านโปรแกรมอินเซนทีฟทริป กับทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่นในปีนี้ มั่นใจว่าถึงสิ้นปี นู สกิน ประเทศไทย จะมียอดสมาชิกใหม่เพิ่มอีก 30,000 ราย จากปีก่อนมีกว่า 7 แสนราย รวมถึงมียอดขายรวมมาจากออนไลน์ถึง 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 50% และปีก่อนทำได้ 40% จากยอดขายรวมทั้งหมด

 

 

 

 

 

 

 

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ