บอร์ด TNR ไฟเขียวเข้าซื้อกิจการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษหวังลดต้นทุน

วันพฤหัสบดีที่ 02 สิงหาคม พ.ศ. 2561

บอร์ด TNR ไฟเขียวเข้าซื้อกิจการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษหวังลดต้นทุน


TNR ประเดิมครึ่งปีหลัง รุกซื้อกิจการ ‘บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล’ ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตกล่องใส่ถุงยางอนามัยแทนการสั่งซื้อจากภายนอก หลังได้รับอนุมัติจากที่ประชุมบอร์ดบริษัทฯ มั่นใจช่วยลดต้นทุนด้านแพ็กเกจจิ้ง พร้อมวางแผนเข้าบริหารงานในบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ ด้านผู้บริหารคาดผลการดำเนินงาน TNR ในครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกจากปัจจัยการส่งออกที่ได้รับผลดีจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากค่าลิขสิทธิ์แบรนด์ PLAYBOY ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย แต่ความสามารถการทำกำไรถูกกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCH(TM) และ PLAYBOY เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้น 100% ในบริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ไม่เกินวงเงิน 40 ล้านบาท โดยขั้นตอนต่อไปบริษัทฯ จะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว

การเข้าซื้อกิจการบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ ครั้งนี้ จะทำให้ TNR มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษของตนเอง ส่งผลดีต่อการลดต้นทุนด้านกล่องบรรจุถุงยางอนามัย จากเดิมที่ใช้วิธีสั่งซื้อจากภายนอกทั้งหมด โดยในช่วงแรกจะเริ่มให้ บ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ ดำเนินการผลิตกล่องบรรจุถุงยางอนามัยให้แก่แบรนด์ PLAYBOY

 “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจะเป็นประโยชน์ต่อการลดต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนที่เหลือภายในโรงงานของบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ จัดเก็บบรรจุภัณฑ์และการสต๊อกสินค้า เนื่องจากใช้ระยะเวลาเดินทางจากโรงงาน TNR ที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ชลบุรี ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น” นายอมร กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR กล่าวว่า หลังจากเข้าซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อย บริษัทฯ มีแผนงานพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหาร พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มอัตราการใช้เครื่องจักร ตลอดจนความสามารถการทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น

 “การเข้าซื้อกิจการบ๊อก เอเชีย กรุ๊ป ถือเป็นการลงทุนแบบระยะยาว ดังนั้น TNR จะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากบ๊อก เอเชีย กรุ๊ปฯ เข้ามาในช่วงแรก แต่เชื่อว่าเมื่อเราได้เข้าไปบริหารจัดการธุรกิจแล้ว จะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์และแผนงานที่เตรียมไว้จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้” นายอมร กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าครึ่งปีแรก ปัจจัยมาจากบริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้ค่าลิขสิทธิ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY จากตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มอีก 4-5 ราย และรับรู้รายได้จากการขายสินค้าภายใต้แบรนด์ PLAYBOY  

TNR จะเข้าไปร่วมวางแผนงานด้านการขายและทำการตลาดเชิงรุกกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย รวมถึงมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคต่าง ๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับผลบวกจากปัจจัยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าในช่วงนี้ เนื่องจากพอร์ตรายได้ส่วนใหญ่กว่า 90% มาจากการส่งออกสินค้าเป็นหลัก โดยในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาภาวะเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่กว่า 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศในรูปแบบของเงินบาทมากขึ้น

 “เรายังคงเป้าหมายยอดขายเติบโต 30% ในปีนี้ตามแผนเดิม เพราะมีความมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเติบโตได้ดี หลังจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะภาวะเงินบาทแข็งค่าที่มีผลโดยตรงกับรายได้จากการส่งออก พร้อมทั้งจะเร่งเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นทั้งในและต่างประเทศ” นายอมร กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ TNR ยังคงทำยอดขายสินค้าได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามการส่งออกสินค้าในช่วงไตรมาส 1/61 ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ มีการบันทึกค่าตัดจำหน่ายทางบัญชีสำหรับสิทธิในเครื่องหมายการค้า PLAYBOY และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการรุกจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย จึงส่งผลต่อความสามารถการทำกำไรของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรก



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ