“กล้วยไข่” ถือเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญ และเป็นที่นิยมรับประทานเป็นอย่างมาก เพราะว่า รสชาตินุ่มหวาน เนื้อแน่น เปลือกบาง และมีกลิ่นหอม ที่สำคัญราคาจำหน่ายยังดีอีกด้วย โดยเฉลี่ยอยู่ที่หวีละ 40-50 บาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่การปลูกและลักษณะของกล้วยไข่ ชาวเกษตรจึงนิยมปลูกกันเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ทางทีมข่าว “สยามธุรกิจ” จึงมีความสนใจในเรื่องวิธีและเคล็ดลับการปลูกกล้วยไข่ว่ามีกระบวนการอย่างไร ที่จะทำให้สามารถปลูกได้ผลผลิตลูกใหญ่ สวยงาม รสชาติอร่อยเพื่อให้ส่งขายได้ในราคาดี เราจึงได้ลงพื้นที่ไปยังจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อไปพูดคุยกับ “คุณ สายพิณ สุกร เจ้าของสวนกล้วยไข่ จ.กาญจนบุรี” เพื่อล้วงเล็ดเคล็ดลับการปลูกกล้วยไข่ให้ได้ผลดีกันว่าทำอย่างไร
พี่ สายพิณ ได้เล่าให้เราฟังว่า การปลูกกล้วยไข่นั้น ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ง่ายเช่นกัน ถ้าปลูกไม่ถูกวิธีก็อาจจะได้ผลผลิตไม่ดีก็เป็นไปได้ เพราะขั้นตอนแรกจะต้องมีการเตรียมดิน โดยใช้รถไถทำลายหญ้า และปรับหน้าดินให้พร้อมปลูก และทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน เพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรคในดิน ในช่วงการไถ ควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก คลุกเคล้าลงไปในดินพร้อมกัน และเตรียมหน่อกล้วยสำหรับปลูก ซึ่งหน่อที่ดีให้ผลผลิตสูงจะต้องเป็นหน่อ “หูกวาง” ที่มีความสูง 50 เซนติเมตร มีใบ 2 – 3 ใบ โดยใบจะแคบยังไม่คลี่ออกเต็มที่คล้ายกับหูกวาง การขุดหลุมปลูกกว้างและลึก 1 ศอก ระยะปลูก 1 x 1 วา พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 400 ต้น จากนั้นรดน้ำ 5 วัน/ครั้ง ประมาณ 1 เดือน จะเริ่มแตกยอดอ่อน และก่อนจะนำหน่อลงหลุมควรที่จะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่ก้นหลุมเพื่อให้ต้นกล้วยเติบโตได้ดี
สำหรับปุ๋ยที่ทางสวนใช้นั้น จะเป็นปุ๋นอินทรีย์ของสยามธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยอินทรีย์โชบุพลัส อาหารเสริมซุปเปอร์ริซซี่โกรว์ และซุปเปอร์ริซซี่พาวเวอร์ เพราะใช้แล้วเห็นผลจริง และสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้
“ที่มั่นใจใช้ผลิตภัณฑ์อินทรีย์คุณภาพของสยามธุรกิจ เพราะเคยทดลองใช้กับสวนกะเพราแล้วได้ผลจริงและสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่างงาม จนได้ฉายาว่า “กะเพราเงินล้าน” และการนำผลิตภัณฑ์ของสยามธุรกิจมาใช้กับสวนกล้วยไข่ครั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับฉายา กล้วยเงินล้านเช่นเดียวกัน ”
เจ้าของไร่คนสวย (ยิ้ม) แล้วเล่าต่อว่า ตนเองมีไร่กล้วยไข่ประมาณ 5 ไร่ ปลูกมาได้ 1 ปีแล้ว และสามารถเก็บขายมีดแรกได้แล้วประมาณ 700 กิโลกรัม สร้างรายได้ให้ครอบครัวประมาณหมื่นกว่าบาท และยังเหลืออีก 3-4 มีด จะส่งผลให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อนำมาหักค่าใช้จ่ายถือว่ากำไรมหาศาลทีเดียว เพราะต้นทุนเรื่องปุ๋ยนั้น มีเพียงแค่ 1,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง รวมกับหน่อที่ซื้อมาปลูกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 กว่าบาท จึงแสดงให้เห็นว่า เพียงมีดแรกครอบครัวก็มีกำไรให้เห็นแล้ว
“การปลูกกล้วยไข่นั้น เราใส่ปุ๋ยเพียงแค่สองครั้ง และฉีกพ่นใบ 2 ครั้งเช่นกัน ต้นทุนตกอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ถ้าจะเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมีถือว่าประหยัดได้มากเกินครึ่ง ที่สำคัญปุ๋ยอินทรีย์ยังส่งผลดีต่อร่างกายตัวเองและคนบริโภคด้วย และการปลูกกล้วยไข่ครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่เริ่มทำ เมื่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของสยามธุรกิจมาช่วยจึงมั่นใจที่ลงทุนทุนปลูกกล้วยครั้งนี้ ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จ เพราะเพียงแค่ไปขายล็อตแรกก็ทำกำไรให้ได้แล้ว ที่สำคัญพอแม่ค้าและสหกรเห็นกล้วยไข่ลูกโต ผิวสวย ก็มีการเข้ามาที่ไร่และทำการจับจองซื้อเลย ถือเป็นความโชคดีสุดๆ ที่ได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของสยามธุรกิจ”
ทั้งนี้ ทางสวนยังบริการขายหน่อกล้วยด้วย เพียงหน่อละ 7 บาท โดยลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกหน่อได้เลย และถ้าหากบอกมาว่าทราบข่าวมาจากหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจทางสวนจะลดราคาให้พิเศษด้วย สามารถติดต่อมาได้ที่เบอร์โทร 06-1430-6479 ติดต่อได้ทุกเวลา ทั้งนี้ ยินดีให้คำปรึกษาทุกเรื่อง และจะให้แนะนำกับชาวเกษตรที่สนใจปลูกกล้วยด้วย

.jpg)