บินไทยขาดทุนลดลง 83% แอร์เอเชีย โกยกำไรต่อเนื่อง

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

บินไทยขาดทุนลดลง 83% แอร์เอเชีย โกยกำไรต่อเนื่อง


กลุ่มการบินไทยขาดทุน ไตรมาส 2 ปี 61 กว่า 3 พันล้านบาท เหตุราคาน้ำมันพุ่ง การแข่งขันดุเดือด ระบุผลประกอบการครึ่งปีแรก ขาดทุนสุทธิเพียง 381 ล้านบาท ดีขึ้น 83% เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้าน AAV ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรกปี กำไรสุทธิ 698 ล้านบาท อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 88% เสริมเครือข่ายแข็งแกร่ง เปิดเส้นทางบินใหม่ 7 เส้นทาง

นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2561 บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูธุรกิจปี 2561 ต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผลการดำเนินงานมีกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพ การให้บริการที่เทียบเคียงมาตรฐานชั้นนำ โดยผลสำเร็จของการดำเนินการปรับปรุงการบริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้การบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ ได้รับรางวัลสายการบินยอดเยี่ยมของโลกหลายรางวัลอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้รับมอบเครื่องบินใหม่แบบแอร์บัส A350-900 เพิ่มอีก 1 ลำ สำหรับให้บริการในเส้นทางข้ามทวีปและเส้นทางภูมิภาค ทำให้มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 จำนวน 105 ลำ มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 5.3% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 1.6% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 75.8% ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 78.5% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 5.90 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีก่อน

ในไตรมาส 2 ซึ่งปกติเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว การแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินยังคงรุนแรง ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีขาดทุนจากการดำเนินงาน (Operating Loss)  2,807  ล้านบาท ขาดทุนสูงกว่าปีก่อน 965 ล้านบาท (52.4%)  โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 47,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 2,057 ล้านบาท หรือ 4.6% สาเหตุสำคัญเนื่องจากรายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้น 244 ล้านบาท (0.7%) จากปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น 1.6% แต่รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยลดลง 0.9% รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น 665 ล้านบาท (13.9%) และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 1,280 ล้านบาท เกิดจากกำไรจากการขายหุ้นในบริษัท โรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 655 ล้านบาท และกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ รวมประมาณ 632 ล้านบาท  สำหรับค่าใช้จ่ายรวม 50,046  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,022 ล้านบาท (6.4%) เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 1,873 ล้านบาท (15.3%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นถึง 36.5% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น 1,158 ล้านบาท (3.4%)  สาเหตุหลักเกิดจากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน และค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่เพิ่มขึ้น

บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 257 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 431 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการตีมูลค่าทางบัญชี ซึ่งขาดทุนลดลงจากปีก่อน 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ  3,086 ล้านบาท ขาดทุนต่ำกว่าปีก่อน 2,122 ล้านบาท (40.7%) โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่  3,098 ล้านบาท  คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 1.42 บาท ขาดทุนต่ำกว่าปีก่อน 0.97 บาท (40.6%)

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 281,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2560 จำนวน 1,181 ล้านบาท (0.4%) หนี้สินรวม มีจำนวน 250,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560  จำนวน  1,873 ล้านบาท (0.8%) และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 31,321 ล้านบาท  ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2560 จำนวน 692 ล้านบาท (2.2%) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้

ด้าน นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV และผู้บริหาร บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) กล่าวว่า ในครึ่งปีแรกปี 2561 AAV มีรายได้รวมอยู่ที่ 20,896.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 698.0 ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม 20,896.2 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิที่ 1,267.1 ล้านบาท โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ที่น่าพอใจอยู่ที่ร้อยละ 88 ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วรวม 10.95 ล้านคน

ทั้งนี้ เมื่อดูผลประกอบการเฉพาะไตรมาสที่ 2 ปี 2561 จะเห็นว่า AAV มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,302.6 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 306.1 ล้านบาท ในขณะที่ TAA มีรายได้รวม 9,302.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 567.5 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ร้อยละ 37 อย่างไรก็ตามสถิติการดำเนินงานยังพบว่าน่าพอใจ โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 85 และขนส่งผู้โดยสารรวม 5.31 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย TAA ไม่ได้รับเครื่องบินเพิ่มในไตรมาสนี้ ทำให้ยังคงมีเครื่องบินประจำการ 59 ลำ โดยเพิ่มความถี่เที่ยวบินใน 4 เส้นทางบินที่ออกจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) และ 1 เส้นทางบินที่ออกจากเชียงใหม่                                                  

“ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนหลักของทุกสายการบิน แต่เราก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถปรับตัวได้และมีผลประกอบการที่น่าพอใจในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้เมื่อดูจากส่วนแบ่งการตลาดเส้นทางภายในประเทศเรายังรักษาความเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ร้อยละ 33 รวมทั้งความพยายามในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ด้านเครือข่ายบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในครึ่งปีแรกเราเปิดเส้นทางบินใหม่ไปแล้วกว่า 7 เส้นทาง จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไประนอง, ยะโฮร์ บาห์รู, เฉิงตู และชุมพร รวมถึงจากภูเก็ตไปมาเก๊าและคุนหมิง อีกทั้งจากเชียงใหม่ไปอุดรธานี เพื่อชิงความได้เปรียบการเติบโตในอนาคตต่อไป”

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งคือการที่กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียยังเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานบริการและได้รับการยอมรับระดับโลก โดยได้รับรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 10 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2552-2561 จากสถาบันสกายแทรกซ์ รวมทั้งการฉลองยอดผู้โดยสารครบ 500 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา โดยผู้โดยสารคนที่ 500 ล้านเป็นคนไทยและได้รับสิทธิ์บินฟรีตลอดชีวิต ก็เป็นการตอกย้ำว่าเราเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ครองใจและเติบโตพร้อมในทุกสถานการณ์

สำหรับด้านการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2561 นายสันติสุขประเมินว่า TAA จะปรับตัวกับสถานการณ์น้ำมันได้ดียิ่งขึ้น และเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมองโอกาสในฐานปฏิบัติการการบินอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ มาเสริมทัพ การนำเครื่องบินใหม่ไปประจำการที่เชียงใหม่เพิ่ม เพื่อเปิดบินตรงสู่เส้นทางระหว่างประเทศ เช่น บินตรงสู่ย่างกุ้ง ไทเป และฮานอย ซึ่งเปิดตัวไปแล้ว นอกจากนี้ TAA ยังผลักดันนโยบายการพัฒนาเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว และเกิดประโยชน์ทั้งกับนักลงทุน ผู้ใช้บริการ สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ