ผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและฉับพลัน ทั้งเศรษฐกิจ การพัฒนาสินค้าและบริการ หรือแม้แต่ความต้องการลูกค้าที่เรียกว่า “ยุค Disruptive” ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ทำให้ทุกองค์กรต้องหันมาวิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเองเพื่อปรับมุมมอง เปลี่ยนกลยุทธ์ และความคิดในการบริหารงาน เพื่อให้พลิกเกมทันกับความเปลี่ยนแปลงอันร้ายแรงของโลกและเพื่อไม่ให้ถูกกลืนกินโดยบริษัทคู่แข่งจากอุตสาหกรรมเดียวกันและอุตสาหกรรมอื่นที่พร้อมกระโดดเข้ามาแข่งขันได้ทุกเมื่อจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยหัวใจสำคัญที่ไม่ได้อยู่ไกล แต่หลายองค์กรกลับมองผ่านหรือแก้ปัญหาไม่ถูกจุด คือ การปรับทิศหัวเรือใหญ่อย่าง “ผู้นำองค์กร” (Leader) ให้เพียบพร้อมด้วย “ภาวะผู้นำ (Leadership)” ที่มีศักยภาพ รู้เท่าทันสถานการณ์ และสามารถมองเห็นเทรนด์และโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงต้องกล้าตัดสินใจและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อนำองค์กรทลายทางตันสู่การหยัดยืนเป็นผู้นำทางธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“คำตอบของการพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน ท่ามกลางโลกที่เกิดเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันตลอดเวลา ดังเช่น ในปัจจุบันนี้ คือ การที่องค์กรสามารถนำการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ มาใช้ให้เกิดเป็นโอกาสและสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นๆ ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มต้นจากผู้นำองค์กร ซึ่งจะต้องเป็นคนที่พร้อมเปลี่ยนแปลงและมีความสามารถในการปรับตัวเท่านั้น จึงจะสามารถนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และไม่ติดอยู่ในกับดักของยุค Disruptive”
นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า ความสำคัญในการสร้างสรรค์และพัฒนาภาวะผู้นำของบุคลากรในองค์กรของไทยและเหล่าประเทศอาเซียนนั้นก่อนอื่นเราต้องเข้าใจความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของคำว่า ‘ผู้นำ - Leader’ กับ ‘ภาวะผู้นำ - Leadership’ อย่างถ่องแท้เสียก่อน โดยคำว่า ‘ผู้นำ’ ส่วนมากหมายถึงตำแหน่งหน้าที่การงาน ส่วน “ภาวะผู้นำ” จะเป็นเรื่องของสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่เกี่ยวข้องกับวุฒิภาวะ ซึ่งรวมรายละเอียดของบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยการวางตัว แนวความคิด ตลอดจนมุมมองและวิธีการแก้ไขปัญหามารวมไว้ด้วยกันโดยไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง หรือแม้แต่เพศ หรือวัยใดวัยหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น ‘ภาวะผู้นำ’ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเรียนรู้และเร่งพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อให้สามารถก้าวทันทุกการเปลี่ยนแปลง และพร้อมขับเคลื่อนพลวัตรของกลุ่มและทุกองคาพยพขององค์กรให้สามารถดำเนินงานท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในยุคปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีองค์กรและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันทางการตลาดสูงแต่หลายครั้งเรากลับทำลายโอกาสทางธุรกิจเหล่านี้ลงด้วย “ตัวฉุดรั้ง” อย่างการสร้างกรอบความคิดที่ผิดซึ่งเกิดขึ้นจากความเคยชินกับการทำงานในรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆของผู้นำและบุคลากรในองค์กร หรือการยึดติดกับความสำเร็จในอดีตที่ทำให้ “ผู้นำ” ยังคงอยู่ในวังวนของแนวคิดและวิธีการทำงานแบบเดิม โดยละเลยถึงบริบทและห้วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป และประเด็นสำคัญ คือ การที่เรายังไม่สามารถนำ “นวัตกรรม” ทางความคิดออกมาประยุกต์ใช้ร่วมกับสถานการณ์และรูปแบบเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันได้อย่างทันท่วงที SEAC ในฐานะที่เป็นศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูงแห่งแรกของประเทศไทย ได้เดินหน้าผลักดันและสร้างแรงกระเพื่อมให้ประเทศไทยเห็นถึงความสำคัญและแนวทางแก้ไขปัญหานี้ โดยได้รวบรวมและนำเสนอหลักสูตรซึ่งได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพและประสิทธิผลตั้งแต่ภาคทฤษฏีไปจนถึงการปฏิบัติจริง จากความสำเร็จขององค์กรชั้นนำที่ผ่านการเรียนรู้ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก
นาย ฮาเวิร์ด ฟาร์เฟล ประธาน สถาบันเคน บลานชาร์ด กล่าวต่อว่า ความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน นับเป็นความท้าทายอย่างเร่งด่วนที่ทุกองค์กรต้องเผชิญ แต่ใครจะปรับตัวได้รวดเร็วและมากน้อยขนาดไหนขึ้นอยู่กับการค้นหาโอกาส แบบอย่างในการพัฒนาและความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่ๆ โดยทางสถาบันฯได้ให้คำปรึกษาแก่องค์กรชั้นนำของโลกมากมาย เราจึงค้นพบว่ายังมีอีกหลายๆ องค์กร ที่ผู้นำและบุคลากรในองค์กรยังติดกับดักของตัวเอง เป็นผลให้ประสิทธิภาพไม่เกิดและประสิทธิผลไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งยังทำให้หมดความมุ่งมั่นในการนำองค์กรสู่จุดมุ่งหมายลงกลางทางเสียดื้อๆ
ดังนั้น การเติมเต็ม “ภาวะผู้นำ - Leadership” จึงเป็นเรื่องที่หลายๆองค์กรไม่ควรมองข้าม โดยสถาบันฯ ได้นำทฤษฎีภาวะผู้นำ มาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่มุ่งสอนเรื่องการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้นำที่เท่าทันโลกได้อย่างครอบคลุมจนเกิดเป็นหลักสูตรทั้ง 4 หลักสูตร ได้แก่ 1. Self Leadership 2. Situational Leadership® II Experience 3. Management Essentials และ 4. Coaching Essentials® แต่สำหรับหลักสูตรในไทยจะพิเศษมากขึ้น เพราะเราเชื่อมั่นให้ทาง SEAC ซึ่งเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของ The Ken Blanchard Companies ในประเทศไทยประยุกต์เนื้อหาให้เข้ากับสังคมและวัฒนธรรมของประเทศไทยและประเทศอาเซียน