นายเซลิม เซสกิน ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลกที่ทุ่มเทคิดค้น วิจัย และพัฒนายาสำหรับการรักษาและการป้องกันโรค กล่าวว่า ไฟเซอร์ ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่สอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทไฟเซอร์ในระดับโลก ในการร่วมกันสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของคนทั่วโลก ด้วยการเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในความร่วมมือกับบุคลากรและสถาบันทางการแพทย์ต่างๆ ตลอดจนมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และชุมชนท้องถิ่นในการสนับสนุนการศึกษาด้านสุขภาพและการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนการเข้าถึงยาและวัคซีนที่มีคุณภาพเพื่อให้คนไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
“บริษัทภูมิใจในการมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและการดูแลสุขภาพของคนไทยอย่างต่อเนื่องตลอด 6 ทศวรรษในประเทศไทย โดยเราเชื่อว่า การป้องกันดีกว่าการรักษา จึงได้ดำเนินโครงการ ‘Fit in 60 Days by Pfizer Year 2’ หรือ ‘พิชิตสุขภาวะใน 60 วันกับไฟเซอร์ ปี 2’ เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วยการให้องค์ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการออกกำลังกาย การบริโภคและการพักผ่อนนอนหลับอย่างเหมาะสมตลอด 60 วันของโครงการเพื่อสร้างเสริมการมีสุขภาพที่ดี”
สำหรับโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases) ถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขระดับประเทศ โดยในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังถึงร้อยละ 75 หรือประมาณ 320,000 คนต่อปี เฉลี่ยชั่วโมงละ 37 คน สาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองคิดเป็นร้อยละ 4.59 หรือประมาณ 28,000 คน รองลงมาคือโรคหัวใจขาดเลือด ตามด้วยโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ตามลำดับ สาเหตุของโรคส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และออกกำลังกายไม่เพียงพอ โดยผู้ป่วยโรค NCDs ในกลุ่มประชากรวัยทำงานมีแนวโน้มการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น1 นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรค NCDs จำนวนมากต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมากอีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
“ในโลกปัจจุบัน สื่อและเครือข่ายสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนทั่วไปในยุคนี้ การกระจายข่าวต่างๆ และส่งต่อข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบ่อยครั้งที่ข้อมูลข่าวสารที่ส่งต่อกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสุขภาพอาจเกิดความคลาดเคลื่อนและขาดการคัดกรอง ผู้รับสารจึงควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา เพื่อช่วยผู้ที่นำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอให้ห่างไกลจากโรค NCDs ได้”