TFFIF เข้าเทรดวันแรกราคาเหนือจอง 2.00%

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

TFFIF เข้าเทรดวันแรกราคาเหนือจอง 2.00%


กองทุน TFFIF นำหน่วยลงทุนเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจศักยภาพทางพิเศษ 2 สายทางที่เข้าลงทุน ได้ส่วนแบ่งรายได้จากค่าผ่านทางโดยทางพิเศษทั้ง 2 สายทางมีรายได้จากค่าผ่านทางและปริมาณการจราจรในช่วง 3ปีงบประมาณย้อนหลัง (2558 – 2560) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี พร้อมประมาณการอัตราการปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในปีแรก เท่ากับร้อยละ 4.75(1)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการ เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ TFFIF นำหน่วยลงทุนเข้าทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 31 ต.ค. โดยใช้ชื่อย่อ ‘TFFIF’ ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่มีโอกาสได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดีในช่วงที่เปิดจองซื้อหน่วยลงทุนที่ผ่านมา

กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสมเพียงพอ โดยรวมแล้วในแต่ละรอบปีบัญชีจะจ่ายในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว โดยนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับยกเว้นการจัดเก็บภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ปี รวมถึงมีโอกาสที่ TFFIF จะเติบโตจากการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของภาครัฐในอนาคต

“กองทุน TFFIF เป็นกองทุนที่มีโอกาสเติบโต ด้วยผลตอบแทนที่ขัดเจน และการเติบโตของทรัพย์จากรถยนต์ที่มาใช้ทางด่วน โดยกองทุนมีลักษณะเป็นกองทุนผสม (Hybrid) กล่าวคือแม้จะมีลักษณะคล้ายตราสารหนี้แต่ก็มีการเติบโตเมื่อพูดถึงเรื่องการขยายกองทุนอาจต้องใช้เวลาเนื่องจากมีกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐและหากต้องการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์อื่นจะต้องมีกฎเกณฑ์ใหม่มารองรับ แต่เชื่อว่าด้วยเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนและนักลงทุน รวมถึงเมื่อภาครัฐเห็นความสำเร็จของกองทุนนี้ อาจช่วยกระตุ้นให้กระบวนการต่างๆ ไปได้เร็วขึ้น” นางชวินดา กล่าว

ด้าน นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินที่กองทุน TFFIF เข้าลงทุนครั้งแรก กล่าวว่า กทพ.ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถีตามปกติ

โดยจะจัดให้มีตู้เก็บค่าผ่านทางแบบเงินสดและตู้เก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทางพิเศษได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความสะดวกในการใช้บริการและลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง

ส่วนเงินที่ได้รับจากการโอนสิทธิในรายได้ของทางพิเศษดังกล่าว กทพ. คาดว่าจะนำไปใช้ลงทุนพัฒนาทางพิเศษ 2 สายทาง ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออกและส่วนต่อขยายทดแทน ตอน N1 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน

ทั้งนี้ TFFIF จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยเข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิในการรับส่วนแบ่งรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี ระยะทางรวม 83.2 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปีนับจากวันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ (Revenue Transfer Agreement หรือ RTA)

นอกจากนี้ ทางพิเศษทั้ง 2 สายทางดังกล่าว มีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ อาทิ ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ทางพิเศษในการเดินทาง ปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายโครงข่ายทางพิเศษและทางเชื่อมต่อในอนาคต ตลอดจนนโยบายการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงการเติบโตของที่อยู่อาศัยในพื้นที่แถบชานเมืองและพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ที่จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ทางพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน

โดยการเสนอขายหน่วยลงทุนส่วนเพิ่มทุนในครั้งนี้ของ TFFIF มีจำนวนหน่วยลงทุนเสนอขายสุดท้ายเท่ากับ 4,470 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายหน่วยลงทุนส่วนเพิ่มทุนทั้งหมดเท่ากับ 44,700 ล้านบาท (ประมาณการอัตราการปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในปีแรก เท่ากับ 4.75% นับเป็นการเสนอขายที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2561

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ Thailand Future Fund (TFFIF) นำหน่วยลงทุนเข้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้เป็นวันแรก โดยราคาหุ้นช่วงเปิดตลาด (Open Price) ปรับขึ้นแตะระดับ 10.20 บาท จากราคา IPO ที่ 10.00 บาท หรือสูงกว่าจอง 2.00%

 

   



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ