บลจ.กรุงศรี ประกาศจ่ายปันผลพร้อมกัน 4 กองทุน กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) ประมาณหน่วยละ 0.75 บาท กองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) ประมาณหน่วยละ 0.30 บาท กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ประมาณหน่วยละ 0.50 บาท และกองทุนเปิดกรุงศรีโกรทอิควิตี้-ปันผล (KFGROWTH-D) ประมาณหน่วยละ 0.95 บาท กำหนดปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหน่วยลงทุน 8 พ.ย.นี้ และมีกำหนดจ่ายปันผล 19 พ.ย.61
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวนจากปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบ แต่กองทุนLTF และกองทุนหุ้นทั้ง 4 กองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผลมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2560 – 30 กันยายน 2561 ประมาณหน่วยละ 0.75 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 12.34% สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 7.97%
กองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 28 กันยายน 2561 ประมาณหน่วยละ 0.30 บาท จุดเด่นของกองทุนคือใช้กลยุทธ์แบบ Blend Model เฟ้นหาหุ้นเด่นจากทุกกลุ่ม โดยไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดหรือประเภทหุ้น ลงทุนได้ทั้งหุ้นปันผล หุ้นเติบโตสูง หุ้นขนาดกลาง -เล็ก มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมที่สุดในแต่ละภาวะตลาด
กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 30 กันยายน 2561 ประมาณหน่วยละ 0.50 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 12.91% สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 9.20%
กองทุนเปิดกรุงศรีโกรทอิควิตี้-ปันผล (KFGROWTH-D) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 28 กันยายน 2561 ประมาณหน่วยละ 0.95 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 11.21% สูงกว่าดัชนี ชี้วัดที่ 8.07% (ที่มา : บลจ.กรุงศรี ณ 28 ก.ย. 61 /ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต) โดยกองทุนทั้ง 4 ดังกล่าวจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 และจ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่19 พฤศจิกายน 2561”
“บลจ.กรุงศรี มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาวจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ยังเป็นที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค แม้ว่าในระยะสั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวโน้มผันผวน และเคลื่อนไหวตามกระแสเงินลงทุนต่างชาติ รวมถึงปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้า การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางฯ ประเทศต่างๆ และทิศทางการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นต้น” น.ส.ศิริพร กล่าว