นายแพทย์ ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าปัจจุบันการบริการด้านสุขภาพและความงามนับเป็นบริการดาวรุ่งที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงมีการแข่งขันโดยการโฆษณาผ่านสื่อทุกช่องทาง โดยเฉพาะการโฆษณาชักชวนให้รับบริการเสริมความงามด้วยวิธีการศัลยกรรมหรือฉีดสารเสริมความงาม เพื่อให้ใบหน้าเนียนใส เต่งตึง หรือแม้แต่เพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น จึงทำให้ประชาชนเกิดความต้องการรับบริการเสริมความงามมากขึ้น โดยขาดการไตร่ตรองถึงผลข้างเคียง หรืออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการในด้านระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย เมื่อกรม สบส.ได้รับทราบถึงเบาะแสการลักลอบเดลิเวอรี่ฉีดสารเสริมความงามถึงที่พัก โดยหมอกระเป๋าในย่านมีนบุรีจึงได้ร่วมมือกับตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บุกจับหมอกระเป๋าทั้ง 2 ราย โดยรายแรกเป็นหญิง อายุ 31 ปี สำเร็จการศึกษาด้านการตลาด จับได้ขณะเข้ามาให้บริการฉีดสารเสริมความงามในที่พักของผู้รับบริการ ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 42 ปี เป็นผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล จับได้ในที่พักของตนขณะให้บริการ โดยที่หมอกระเป๋าทั้ง 2 ราย ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้งยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแสดงตนพร้อมแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิดรายแรก 5 กระทง
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้การศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยการศัลยกรรมหรือฉีดสารเสริมความงามประเภทต่างๆ จะต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และทำในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากกระทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ หรือทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้รับบริการ ทั้งการติดเชื้อจากเครื่องมือไม่สะอาด สารที่ฉีดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดทำให้เนื้อตาย ซึ่งมักพบได้บ่อยที่จมูก หรือร่องแก้ม และหากสารเสริมความงามไปอุดตันหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาก็จะทำให้ตาบอด อีกทั้งการที่สารเสริมความงามรั่วไหลเข้าไปในกระแสเลือด หรือผู้รับบริการมีอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้