บริษัท วิงค์ไวท์ พานาเซีย จำกัด ยิ้มรับ รัฐบาลเก็บภาษีออนไลน์ ไม่ส่งผลกระทบ มองเป็นสิ่งที่ดี ชี้ให้ผู้บริโภคเห็นชัดสินค้าน่าเชื่อถือ ถูกกฏหมาย แถมนำเงินเข้ารัฐ ส่งผลดีต่อประเทศ มั่นใจปี 62 หลังเลือกตั้ง ธุรกิจความงามเติบโตสดใส พร้อมเผยแผนปีหน้าขยายไลน์ผลิตภัณฑ์บุกตลาดเครื่องสำอางเต็มกำลัง ขยายฐานลูกค้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้พุ่งสู่พันล้านบาท
นางสาวขวัญชนก ทวนวิจิตร ประธาน บริษัท วิงค์ไวท์ พานาเซีย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามภายใต้แบรนด์ “วิงค์ไวท์” เปิดเผยว่า ปี 2562 จะทำการตลาดบุกหนักมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่าธุรกิจความงามในปีหน้ายังคงเติบโตต่อเนื่องแน่นอน ทำให้ผู้ประกอบหลายๆแบรนด์เริ่มแตกไลน์ผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโต
ทั้งนี้ ในฐานะผู้ประกอบการในธุรกิจความงาม คาดว่า หลังจากการเลือกตั้ง แล้วเสร็จ เศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจความงาม ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ และยอดขายจะเพิ่มมากขึ้น ในส่วนแบรนด์ “วิงค์ไวท์” ก็จะได้รับอานิสงส์ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องรัฐบาลจะเก็บภาษีออนไลน์ คาดว่าธุรกิจความงามจะไม่ได้รับผลกระทบ และมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะการทำธุรกิจจะต้องให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเสียภาษีเข้ารัฐบาล เพื่อนำเม็ดเงินมาบริหารประเทศ
ปัจจุบัน สัดส่วนออนไลน์อยู่ที่ 80% ออฟไลน์ อยู่ที่ 20% ปีหน้าจะปรับสัดส่วนใหม่เป็น ออฟไลน์ เป็น 70 ส่วนออนไลน์ลดลงมาเหลือ 30% เนื่องจากการแข่งขันในตลาดออนไลน์มีสูงจนเกินไป โดยจะหันไปให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการขายผ่านกิจกรรม และตัวแทนจำหน่ายที่มีมากกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ และจะยังคงเดินหน้าหาตัวแทนจำหน่ายที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังจะเข้ามาช่วยตัวแทนจำหน่ายทำ การตลาดอย่างเข้มข้น
สำหรับแผนการตลาดของบริษัท ในปีหน้าขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ จากอาหารเสริม และสกินแคร์ พร้อมบุกตลาดเครื่องสำอาง แป้ง และครีม โดยจะเปิดตัวช่วงต้นปี และกลางปี และมั่นใจว่าจะได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น 30% จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 500 บาท สาเหตุที่ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากปัจจัยบวก ทั้งเศรษฐกิจดีขึ้น และการทุ่มงบการตลาดหลายร้อยบาท เจาะกลุ่มตลาด วัยรุ่น-วัยทำงาน อายุตั้งแต่ 20- 35 ปี
ส่วนการลงทุนใหม่ จะใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานการผลิตที่ จ.ลพบุรี บนพื้นที่ 4 ไร่ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ และพร้อมเดินเครื่อง การผลิตกลางปี 2562 โดยโรงงานดังกล่าวจะใช้สำหรับผลิตสินค้าให้กับบริษัท และใช้ในการรับจ้างผลิตในอนาคต
นางสาวขวัญชนก กล่าวต่อว่า ปีหน้าจะขยายตลาดไปยังประเทศในกลุ่มแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศไนจีเรีย จะเข้าไปดำเนินธุรกิจอาหารเสริม เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับพาร์ตเนอร์ในการพัฒนาสินค้าและเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง พร้อมทั้งขยายตลาดเข้าไปในประเทศกลุ่มอาเซียนให้ครบในอนาคต โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเปิดบริษัทในประเทศมาเลเซีย และเตรียมขยายไปยัง สปป.ลาว เพิ่มเติมอีกด้วย ขณะที่ตลาดสิงคโปร อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ปีหน้าบริษัทจะทำ การตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อเจาะตลาดเหล่านี้
โดยปัจจุบันสัดส่วนตลาดต่างประเทศของบริษัทยัง น้อยเพียง 10% ตลาดในประเทศ 90% โดยในอนาคตประเมินว่าแนวโน้มสัดส่วนตลาดต่างประเทศจะมีสูงขึ้น