แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดแผนงานปี 2562 ตั้งเป้ายอดจองจำนวน 33,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้จากธุรกิจการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย จำนวน 32,000 ล้านบาท และรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีก 5,000 ล้านบาท
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2561 ว่าบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้สุทธิจำนวน 43,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 86% และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.46%
ในปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
สำหรับปี 2562 นั้น บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 10,000 ล้านบาทประกอบด้วยงบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพี่อการให้เช่าอีกจำนวน 3,000 ล้านบาท
ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ขายอพาร์ทเมนท์ชื่อ The Domain Residence ในรัฐ แคลิฟอเนีย ในราคา 140 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ส่วนในปีใหม่นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขายโรงแรมอีก 1 แห่งเข้ากอง REIT นอกจากนี้ บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวนประมาณ 12,000 ล้านบาท
และคาดว่า ณ. สิ้นปี 2562 บริษัทฯ จะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 2561
บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2562 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) 33,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 32,000 ล้านบาท
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2561 ที่ผ่านมา โดยสรุปดังนี้
ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2561
ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมในปี 2561 จากตัวเลขโดยรวมของบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะประเภทจัดสรร ตั้งแต่ ม.ค.- พ.ย. 2561 ยอดบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรร มีจำนวนรวมทั้งหมด 90,694 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.2 % เทียบกับช่วงเวลา 11 เดือนของปี 60 (มีจำนวน 87,913 หน่วย) ประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะที่จัดสรรที่เกิดขึ้นทั้งปี 2561 มีจำนวนรวม 97,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2560 (มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 94,159 หน่วย)
บ้านจดทะเบียนเพิ่ม เฉพาะประเภทจัดสรร ในช่วง 11 เดือนของปี 2561 และประมาณการรวมของปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2560 จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
• ประเภทบ้านเดี่ยว ในช่วง 11 เดือน มีจำนวนรวม 13,396 หน่วย เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 60 (มีจำนวน 11,190 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 61 มีจำนวนรวม 14,820 หน่วย เพิ่มขึ้น 18.8% เทียบกับทั้งปี 60 (มีจำนวนรวม 12,471 หน่วย)
• ประเภทบ้านแฝด ในช่วง 11 เดือน มีจำนวนรวม 1,423 หน่วย ลดลง 29.9% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 60 (มีจำนวน 2,029 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 61 มีจำนวนรวม 1,580 หน่วย ลดลง 32.8 % เทียบกับทั้งปี 60 (มีจำนวนรวม 2,352 หน่วย)
• ประเภททาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ ในช่วง 11 เดือน มีจำนวนรวม 18,658 หน่วย เพิ่มขึ้น 23.2% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 60 (มีจำนวน 15,139 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 61 มีจำนวนรวม 19,900 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.2% เทียบกับทั้งปี 60 (มีจำนวนรวม 16,017 หน่วย)
• ประเภทคอนโดมิเนียม ในช่วง 11 เดือน มีจำนวนรวม 57,217 หน่วย ลดลง 3.9% เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 60 (มีจำนวน 59,555 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 61 มีจำนวนรวม 61,500 หน่วย ลดลง 2.9% เทียบกับทั้งปี 60 ทั้งปี มีจำนวนรวม 63,319 หน่วย)
ในปี 2561 ณ ต้นปี บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการ จำนวนทั้งรวมสิ้น 68 โครงการ เป็นโครงการในกทม. และปริมณฑล 40 โครงการ ต่างจังหวัด 28 โครงการ รวมโครงการที่เปิดใหม่ ระหว่างปี 12 โครงการ รวมโครงการที่เปิดดำเนินการในปี 61 มีจำนวนทั้งหมด 80 โครงการ สำหรับโครงการที่เปิดใหม่ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 23,110 ล้านบาท
จำแนกเป็น
• โครงการบ้านเดี่ยว 6 โครงการ (บ้านแฝดนับเป็นบ้านเดี่ยว)
• โครงการทาวน์โฮม 5 โครงการ
(ในโครงการที่ Mix สินค้า นับแยกออกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)
• โครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ตามจำนวนหลัง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค. – พ.ย. 61 แบ่งจำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย เป็นดังนี้
• ตลาดบ้านเดี่ยว บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 10.6 %
• ตลาดบ้านแฝด บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 13.7 %
• ตลาดทาวน์เฮ้าส์ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 3.5%
• ตลาดคอนโดมิเนียม บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 1.2%
ในส่วนของการดำเนินงานของบริษัท LH USA. ในปีที่ผ่านมา ได้ขายอพาร์ทเมนท์ชื่อ The Domain Residence ในรัฐแคลิฟอเนีย ในราคา 140 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัท LH USA . มีจำนวนโครงการทั้งหมด 4 โครงการ
และการดำเนินงานของบริษัท LHMH ในปี 61 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดโครงการ Terminal 21 พัทยา รูปแบบ Mixed Use ประกอบด้วยโรงแรม และ Shopping Mall โดยมีรายละเอียดโครงการดังนี้ พื้นทีโครงการ 32.84 ไร่ มูลค่าการลงทุน 5,587 ล้านบาท จำนวนห้องพัก 396 ห้อง พื้นที่ Retail 42,000 ตารางเมตร
แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562
ณ ต้นปี 2562 บริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 70 โครงการ โดยเป็นโครงการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 42 โครงการ และต่างจังหวัด 28 โครงการ และในปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงานเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 29,960 ล้านบาท แบ่งแยกเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทของที่อยู่อาศัยได้ดังนี้
• โครงการบ้านเดี่ยว 11 โครงการ (บ้านแฝด นับรวมเป็นบ้านเดี่ยว)
• โครงการทาวน์เฮ้าส์ 6 โครงการ
(ในโครงการที่ Mix นับแยกออกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)
• คอนโดมิเนียม - โครงการ
รวมจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นในปี 2562 ทั้งหมด 86 โครงการ
เป้าหมายยอดขายในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย (Booking) รวม 33,000 ล้านบาทและยอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 32,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตที่ขายในปี 2562 เท่ากับ 7.3 ล้านบาท (ปี 2561 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7.3 ล้านบาท)
สำหรับสัดส่วนของยอดขาย ในปี 2562 พิจารณาตามมูลค่า จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย มีสัดส่วน ดังนี้
• บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 72 % , ทาวน์เฮ้าส์ 8 % , คอนโดมิเนียม 20 %
(รายละเอียดตามตารางข้างต้น)
ในส่วนของแผนการลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ในทำเลต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล และต่างจังหวัด งบประมาณรวม 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้การพิจารณาซื้อที่ดิน บริษัทจะพิจารณาทำเลที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันทีและมีศักยภาพที่ดี